ศูนย์ข่าวศรีราชา.- เอาจริง.. เมืองพัทยา สนธิกำลังเจ้าหน้าที่บังคับใช้ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด "บ้านสุขาวดี" ก่อนนำทีมลุยรื้อหญ้าเทียม พรมปูทางเดินเท้าสาธารณะริมชายหาด หลังพบไม่ดำเนินการตามคำสั่งเมืองพัทยาจนครบระยะเวลาที่กำหนด
กลายเป็นปัญหาเรื้อรังมานานสำหรับการใช้พื้นที่ฟุตปาธทางเท้าสาธารณะบริเวณด้านหลังอาคารบ้านสุขาวดี ซึ่งอยู่ติดกับวัดช่องลม ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หลังมีการนำหญ้าเทียม พรม และบันไดเหล็กขนาดกว้าง 5 เมตร พร้อมเก้าอี้สนามมาวางไว้บนฟุตปาธ ตลอดระยะทางยาวกว่า 300-400 เมตร จนทำให้พื้นที่ดังกล่าวกลายเป็นเสมือนพื้นที่ส่วนบุคคล จนเกิดกระแสต่อต้านจากประชาชนและผู้คนในโลกสังคมออนไลน์ถึงขั้นเรียกร้องให้เมืองพัทยา เข้าแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
กระทั่งมีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน อาทิ เมืองพัทยา, ทหาร, เจ้าหน้าที่จากสำนักการช่าง, สำนักงานที่ดินและกรมเจ้าท่า ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับ นายวิเชียร พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรองนายกเมืองพัทยาในสมัยที่ผ่านมา
จนมีการออกคำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการรื้อหญ้าเทียมและบันได้ออกจากพื้นที่ รวมทั้งอาคารขนาดใหญ่ที่ทางบ้านสุขาวดีสร้างไว้บนเนื้อที่ 11 ไร่ ซึ่งตามระวางของกรมที่ดินระบุว่าเป็น “ทะเล” หรือที่สาธารณะ และไม่มีสิทธิ์ในพื้นที่ดังกล่าว และเป็นที่มาของการออกคำสั่งให้รื้อถอน ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนของการประเมินราคาค่ารื้อถอน เพื่อจ้างเหมาเอกชนเข้ามาดำเนินการในช่วง 1-2 เดือนนี้ จนเกิดเป็นกระแสอีกครั้งว่างานนี้อาจเป็น “มวยล้ม” นั้น
ล่าสุดในวันนี้ (26 เม.ย.) นายวรพจน์ พงษ์พาลี ที่ปรึกษานายกเมืองพัทยา ได้นำคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างเมืองพัทยา, เจ้าหน้าที่เทศกิจ, นิติกร รวมทั้งคนงานจำนวนหนึ่ง เดินทางไปยังบ้านสุขาวดี เพื่อติดตามการดำเนินงานตามคำสั่งต่างๆ แต่ก็พบว่ายังคงมีการปูหญ้าเทียมตลอดแนวถนนหลังบ้าน และยังมีการวางบันไดขนาดใหญ่เพื่อทำทางขึ้นลงอีกหลายจุด จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 19 ของ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด กรณีที่มีการตั้ง วาง กอง สิ่งใดๆในที่สาธารณะ ซึ่งถือเป็นความผิดมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท มอบหมายให้สำนักเทศกิจเมืองพัทยาทำการรื้อหญ้าเทียมและพรมตลอดแนวทางเดินออกทั้งหมด ก่อนตรวจยึดไปเก็บรักษาไว้ที่เมืองพัทยา เพื่อรอให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงและเปรียบเทียบปรับต่อไป
"เรื่องนี้ถือเป็นความผิดซึ่งหน้าตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาด เทศกิจ จึงดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่ไม่มีใครแสดงตัวเป็นเจ้าของจึงตรวจยึดไว้ก่อน ส่วนบันได้เหล็กขนาดใหญ่นั้นในวันจันทร์ที่ 29 เม.ย.นี้ จะได้ประสานให้สำนักการช่างเมืองพัทยา นำรถแบ็คโฮขนาดใหญ่เข้าทำการขนรื้อและย้ายออกจากแนวถนน เนื่องจากถือว่าเป็นการวางไว้และกีดขวาง ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตเช่นกัน ซึ่งถนนเส้นนี้เป็นถนนสาธารณะและทุกคนมีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่"นายวรพจน์ กล่าว
ส่วนกรณีอาคารขนาดใหญ่บนพื้นที่ 11 ไร่นั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวในเมืองพัทยาว่า หลังจากที่เมืองพัทยา ได้ปิดประกาศหมายเพื่อทำการรื้อถอนที่ขณะนี้ครบกำหนดให้ดำเนินการแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆจากเจ้าของอาคาร และมีเพียงการส่งหนังสือให้ทบทวนคำสั่งโดยแจ้งว่าเป็นที่งอกไปยังสำนักงานเจ้าท่าพัทยา และเมืองพัทยา ซึ่งทั้ง 2 หน่วยงานได้ตอบปฏิเสธไปแล้วนั้น เมืองพัทยา กำลังจะเสนอให้เดินเรื่องออกหนังสือสำคัญแบบ นสล. ส่วนแผนการรื้อถอนอยู่ในขั้นตอนการประเมินราคาซึ่งคาดว่าในเวลาไม่เกิน 1 เดือนจากนี้และจะมีการปิดหมายแจ้งประกาศอีกครั้ง จากนั้น เมืองพัทยา จะเข้าไปดำเนินการรื้อถอนอาคารดังกล่าวในทันที...