xs
xsm
sm
md
lg

สภาเกษตรกรอุดรฯ เตรียมตั้งศูนย์ประสานงานวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อุดรธานี - สภาเกษตรกรอุดรธานีเตรียมตั้งศูนย์ประสานงานโครงการวิจัยพัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ หลังสมาชิกฯ เห็นพ้องร่วมกันขับเคลื่อนใช้ประโยชน์จากกัญชารักษาผู้ป่วย เผยผู้ป่วยในอุดรฯ ยื่นจดแจ้งครอบครองกัญชาแล้วกว่า 100 ราย

วันนี้ (25 เม.ย.) ณ ห้องประชุมพระพุทธบาทบัวบก ชั้น 6 ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี สภาเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี โดย ดร.นิรุจน์ อุทธา หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี ได้จัดการประชุมหารือแนวทางความร่วมมือการขับเคลื่อนกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ครั้งที่ 1/2562 โดยมีสมาชิกสภาเกษตรกร จ.อุดรธานี สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี โรงพยาบาลมะเร็ง และผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ภาค 4 เข้าร่วมประชุม และมี นพ.ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานการประชุม

ที่ประชุมได้ถกกันวาระนโยบายการขับเคลื่อนกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์จังหวัดอุดรธานี, แนวทางการพิจารณาอนุญาตให้ปลูกกัญชาและแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ขอรับ อนุญาตปลูกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 เฉพาะกัญชา, แนวทางการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 และแนวทางการใช้กัญชาเพื่อรักษามะเร็ง

นอกจากนี้ยังมีวาระเพื่อพิจารณาจัดตั้งศูนย์ประสานงานโครงการวิจัย พัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ จังหวัดอุดรธานี และการพิจารณาร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์จังหวัด อุดรธานี


ดร.นิรุจน์ อุทธา หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เมื่อพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7/2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2562 โดยเนื้อหาในการปฏิบัติที่จะทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรหรือผู้ป่วย จำเป็นจะต้องมีการชี้แจงให้ถูกต้อง เพราะว่ามีการตีความในทางปฏิบัติที่อาจจะไม่ถูกต้อง ฉะนั้นกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับหลายๆ หน่วยงานและทุกภาคส่วน และกัญชาก็เป็นเรื่องใหม่ด้วย

ฉะนั้น สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดอุดรธานีจึงเข้ามาเพื่อเป็นตัวเชื่อมเป็นศูนย์ประสานงานทั้งทางด้านวิชาการและปฏิบัติโดยเฉพาะเรื่องกฎหมาย เป้าหมายที่แท้จริงคือเพื่ออำนวยประโยชน์กับผู้ป่วยและเกษตรกรให้มากที่สุด

ดร.นิรุจน์ระบุว่า จากการร่วมพูดคุยกันในวันนี้ทำให้ทราบว่าทุกคนเห็นร่วมกันว่าจะต้องร่วมมือกันทำงาน และที่ประชุมเห็นชอบให้จัดตั้งศูนย์ประสานงานโครงการวิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ โดยมีสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดอุดรธานีเป็นศูนย์ประสานงาน ทำหน้าที่ประสานงานกับทุกภาคส่วน โดยใช้ที่สำนักงานสภาเกษตรกร ซึ่งตั้งอยู่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี เป็นศูนย์ประสานงาน

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้มีการคุยกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วลงรายละเอียดข้อเสนอที่ประชุมในวาระการประชุมครั้งที่ 2 ต่อไป สำหรับความเป็นได้ของโครงการฯในอนาคตนั้นมีสูงมาก เพราะตอนนี้กฎหมายได้เปิดช่องให้กลุ่มเกษตรกรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถที่จะทำโครงการวิจัยเพื่อผลิตโดยปลูกกัญชาได้

ทั้งนี้ ตนเองเข้าใจว่ามุมมองของตนเรื่องกฎหมายกฎหมายฉบับนี้จะเป็นคุณ เพราะว่าสามารถที่จะออกกฎหมายลูกได้ต่อไป การปลูกกัญชาจะทำอย่างไร มีเงื่อนไขอย่างไร เกษตรกรที่รวมกลุ่มกันเป็นวิสาหกิจชุมชนหรือสหกรณ์ สามารถที่จะให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นพี่เลี้ยงในการที่จะพัฒนา การรวมกลุ่มการจัดตั้งองค์ประกอบที่เหมาะสมและการขออนุญาตปลูก

“กระแสสังคมขณะนี้มองกัญชาว่ามีประโยชน์ทางเศรษฐกิจมหาศาล และคิดว่าทิศทางในอนาคตของประเทศไทยจะเอื้อประโยชน์ในเรื่องนี้มากขึ้น เรามั่นใจว่ากัญชาทางการแพทย์จะสามารถเป็นไปได้” ดร.นิรุจน์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ “กัญชา” ยังเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 และผิดกฎหมายอยู่ แต่หากใครมีไว้ครอบครองจะต้องมีการจดแจ้งกับทางสาธารณสุขจังหวัด และขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี มีประชาชนซึ่งเป็นผู้ป่วยส่วนใหญ่ประมาณ 100 กว่าราย เข้ามาจดแจ้งว่ามีในครอบครองกับทางสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานีไว้แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น