อุดรธานี - จับได้แล้วหนุ่มทำร้ายเมียจนตายขณะนั่งรถตู้หนีเข้ากรุงเทพฯ ขณะนำตัวทำแผนที่เกิดเหตุได้แต่ร่ำไห้ขอโทษต่อหน้ารูปเมีย เผยวันเกิดเหตุทะเลาะกัน ถูกเมียด่าถึงบุพการีโกรธจัดใช้ทั้งเท้าและหมัดกระหน่ำจนเมียแน่นิ่งสิ้นใจ
จากกรณีเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 62 ที่ผ่านมา น.ส.กรวิภา ดีน้อย อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53/1 ซ.โนนพิบูลย์ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส และมารักษาตัวที่โรงพยาบาลอุดรธานี โดยมีเลือดออกในช่องท้องและเลือดออกในสมองและได้เสียชีวิตในวันต่อมา จากการสืบสวนจากกล้องวงจรปิด พบผู้ต้องสงสัยเป็นชายคนเดียวกันกับที่นำตัว น.ส.กรวิภามาส่งโรงพยาบาล จากนั้นชายคนดังกล่าวได้หลบหนีไป ไม่ย้อนกลับมาดูแลคนเจ็บอีกเลย
ต่อมาตำรวจได้สืบทราบว่าผู้ต้องสงสัยที่ทำร้ายนำ น.ส.กรวิภามาส่งนั้นคือนายกิตติ หนูกลาง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 71 หมู่ 12 บ้านใหม่ศรีวิไล ต.นิคมสงเคราะห์ อ.เมือง จ.อุดรธานี สามีผู้ตาย โดยหลังส่งตัวแล้วได้หลบหนีไปอยู่บนเขาในเขตจังหวัดหนองบัวลำภูนานกว่า 15 วัน
ล่าสุดวันนี้ (24 เม.ย. ) เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธร จังหวัดอุดรธานี นำโดย พ.ต.อ.วิบูลย์ วงศ์ก้อม รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี สามารถตามจับตัวนายกิตติได้แล้วขณะจะหลบหนีเข้ากรุงเทพฯ เพื่อหนีความผิด พร้อมนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ณ บ้านเลขที่ 71 หมู่ 12 บ้านใหม่ศรีวิไล ซึ่งเป็นบ้านที่เกิดเหตุ
เมื่อไปถึงบ้านหลังเกิดเหตุ นายกิตติได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย พร่ำเพ้อบอกพี่สาวและแม่ว่าเหตุที่ทำไปเพราะอารมณ์โกรธ ทะเลาะกับ น.ส.กรวิภาแล้วถูกด่าถึงพ่อแม่ ใช้ทั้งเท้าและหมัดชกภรรยาจนแน่นิ่งไป เมื่อรู้ว่าภรรยาหมดสติจึงได้เรียกน้องชายให้เอารถยนต์มารับแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลอุดรธานี และที่หลบหนีเพราะตกใจและกลัวความผิด
ขณะที่ตำรวจนำตัวนายกิตติทำแผนอยู่นั้น นายกิตติได้เหลือบไปเห็นรูปคู่ที่ถ่ายด้วยกันถึงกับร่ำไห้ปล่อยโฮอย่างหนัก และขอกล่าวคำขอโทษต่อหน้ารูปคู่ และพร่ำแต่คำว่า “ผมขอโทษ ผมขอโทษ” จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหานายกิตติ “มิได้มีเจตนาฆ่า แต่ทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้นั้นถึงแก่ความตาย” คุมตัวส่งเรือนจำกลางอุดรธานีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป