สปป.ลาว/เชียงราย - กระทรวงการท่องเที่ยวฯ-ศูนย์อาเซียนฯ จุฬาฯ นำตัวแทนรัฐ-เอกชนลุยเก็บข้อมูลท่องเที่ยวเลาะ R3a ไทย-ลาว-จีน ก่อนทำแผนเสนอทุกประเทศลงมือพัฒนาร่วม-ดึงคนทั่วโลกเข้าพื้นที่
ผศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม รอง ผอ.ฝ่ายวิชาการ ศูนย์อาเซียนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหัวหน้าโครงการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงเส้นทาง R3a ไทย-สปป.ลาว-จีน ภายใต้การสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้นำตัวแทนรัฐและเอกชนสำรวจเส้นทาง R3aไทย-สปป.ลาว-จีนตอนใต้ ระหว่าง 18-24 เม.ย.นี้
โอกาสนี้คณะฯ ซึ่งมีตัวแทนรัฐ-เอกชน เช่น กองยุทธศาสตร์และแผนงาน, สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, การท่องเที่ยวและกีฬาเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน แม่ฮองสอน ลำปาง และอุตรดิตถ์, สำนักวิชาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นายกิตติ ทิศสกุล นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ นายเศรษฐศักดิ์ พรมมา ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวโดยชุมชนเชียงราย ฯลฯ ได้ประชุมร่วมกับคณะผู้บริหารแขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว ที่ตั้งเป้าดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่ให้ได้ 8 แสนคน หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.2% ด้วย
ท่านโหล่ย ไซเมืองนาม รองหัวหน้าแผนกแถลงข่าววัฒนธรรมและท่องเที่ยว แขวงหลวงน้ำทา ลาว วางแผนยุทธศาสตร์ชาติ 10 ปีเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งเส้นทาง R3a ก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนา เพราะเป็นเส้นทางที่สามารถเชื่อมโยงประเทศต่างๆ ได้ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาการท่องเที่ยวมาก ขณะเดียวกัน สปป.ลาวก็มีความต้องการจะพัฒนาเส้นทางนี้ร่วมกับไทย พม่า และจีน อย่างต่อเนื่อง แต่ปัญหาก็คือเรื่องการตลาด ความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และการพัฒนาบุคลากรของ สปป.ลาว ซึ่งจะต้องแสวงหาความร่วมมือกันต่อไป
ด้านท่านสมสะวาด นามอินทรา หัวหน้าแขนงท่องเที่ยว แขวงหลวงน้ำทา ระบุว่า ปัจจุบันแขวงหลวงน้ำทามีการพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะหน่วยงานจากเชียงรายกันอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงต้องการพัฒนาให้มากยิ่งขึ้นเพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดประโยชน์ต่อทั้ง 2 ประเทศร่วมกัน
หลังจากการหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทางแขวงหลวงน้ำทาแล้ว คณะฯ ได้เดินทางผ่านด่านบ่อเต็น-โมฮาน หรือบ่อหาน ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจเฉพาะบ่อเต็นแดนงามขนานใหญ่ ท่ามกลางขบวนสินค้า-ผู้คนที่เดินทางเข้าออกระหว่างจีน-ลาวอย่างต่อเนื่อง
ผศ.ดร.ปิติกล่าวว่า โครงการฯ จะเก็บข้อมูล รวมทั้งสำรวจแหล่งท่องเที่ยว จุดที่กำลังพัฒนา รายละเอียดเรื่องสถานที่พัก อาหาร เส้นทาง ฯลฯ บนเส้นทาง R3a รวมทั้งรายละเอียดข้อหารือต่างๆ นำไปสรุปและจัดส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปพิจารณาและพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนต่อทุกประเทศที่อยู่บนถนนสายนี้ทั้งด้านที่พัก และอาหาร
ด้านนายเศรษฐศักดิ์กล่าวว่า การพัฒนาการเชื่อมโยงเส้นทาง R3a ให้มีความยั่งยืนจะต้องสร้างรอยยิ้มและความสัมพันธ์ที่ดีต่อทุกประเทศก่อน และการพัฒนาต่อไปก็ต้องเป็นไปอย่างสมดุล มีการกระจายรายได้อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ซึ่งด้วยศักยภาพ-ภูมิศาสตร์ของเส้นทาง เชื่อมั่นว่าเราจะสามารถร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้อย่างยั่งยืนแน่
