ราชบุรี-ผบ.เรือนจำราชบุรี พาดูที่เกิดเหตุ พร้อมจำลองเหตุการณ์ที่เกิดเหตุ โดยเปิดโอกาสให้ญาติ ๆ สอบถามเพื่อคลายข้อสงสัย หลังมีผู้ตกขังตกลงมาอาการสาหัส ยืนยันไม่มีการทำร้าย พร้อมเอาตำแหน่งเป็นเดิมพัน
จากกรณีที่มีการโพสต์ในสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับนายสุรัตน์ คลังศิริ อายุ 43 ปี บ้านเดิมอยู่เลขที่ 109 หมู่ 10 ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ทำงานขึ้นผักอยู่แผงค้าส่งผักในตลาดศรีเมือง อ.เมืองราชบุรี ถูกตำรวจ สภ.เมืองราชบุรี จับกุมในข้อหาเมาแล้วขับช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตำรวจดำเนินคดีส่งศาลพิพากษาให้กักขัง และถูกควบคุมตัวในเรือนจำพิเศษราชบุรี แต่ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสเป็นตายเท่ากันเนื่องจากตกจากที่สูงในเรือนจำฯนั้น
ล่าสุดบ่ายวันนี้( 19 เม.ย.) นางศศิมา ศรีพิพัฒน์ อาย 39 ปี นายจ้างของนายสุรัตน์ คลังศิริ ผู้บาดเจ็บ พร้อมด้วยน้องข้าวโพด วัย 8 ขวบ ลูกสาวคนเล็กของนายสุรัตน์ ญาติๆ และเพื่อร่วมงานกว่า 10 คน ได้เข้าพบ พ.ต.รัฐกฤษณ์ ใจจริง ผบ.เรือนจำกลางราชบุรี เพื่อขอทราบรายละเอียดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ นายสุรัตน์
จากนั้น ผบ.เรือนจำกลางราชบุรี ได้พาญาติ และผู้เกี่ยวข้องกับนายสุรัตน์ ไปดูที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ในสถานกักขัง จ.ราชบุรี เรือนจำพิเศษราชบุรี ในความรับผิดชอบของเรือนกลางราชบุรี แต่อยู่นอกรั้วเรือนจำกลางราชบุรี โดย ทาง พ.ต.รัฐกฤษณ์ ใจจริง ได้จำลองเหตุการณ์ให้ผู้ต้องขังขึ้นไปนอนบนขอบอ่างน้ำในห้องน้ำแล้วตกลงมา และเปิดโอกาสให้ญาติๆ สอบถามผู้ต้องขังได้ตามที่สงสัย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น
พ.ต.รัฐกฤษณ์ ใจจริง ผบ.เรือนจำกลางราชบุรี เปิดเผยว่าศาลพิพากษานายสุรัตน์ ผู้บาดเจ็บ ในคดีเมาแล้วขับ โดยลงโทษให้กักขัง 2 เดือนแทนโทษจำคุก จึงส่งมาที่กักขังที่สถานกักขัง ไม่ใช่เรือนจำใหญ่ และช่วงที่นายสุรัตน์ ถูกนำตัวมากักขังนั้นอยู่ระหว่างเทศกาลสงกรานต์ จึงมีผู้ต้องกักขังคดีเมาแล้วขับรวมกับคดีอื่นที่มีโทษกักขังเข้ามาจำนวนมาก โดยตามมาตรฐานรับได้ 39 คน เต็มที่ 60 คน แต่ช่วงนั้นมีผู้ต้องกักขังมากถึง 131 คน จึงมีความแออัดอย่างมาก
ในคืนเกิดเหตุผู้ต้องกักขังนอนล้นเข้าไปในห้องน้ำ เกือบ 20 คน ต้องไปเข้าพักผ่อนลักษณะนั่งหลับบ้างนอนบ้าง ส่วนนายสุรัตน์ ได้ขึ้นไปนอนบนขอบอ่างน้ำที่สูงจากพื้นประมารณ 1 เมตร กระทั่งถึงตอนกลางดึกคืนวันที่ 15 เม.ย. ต่อรุ่งเช้าวันที่ 16 เม.ย. นายสุรัตน์ ได้ตกลงจากขอบอ่างลงมาที่พื้น ตอนนั้นเพื่อนผู้ต้องกักขัง ที่อยู่ในห้องน้ำมาเห็น ในขณะที่นายสุรัตน์ตกลงมาแล้ว จึงช่วยกันพยุงลุกขึ้น แล้วก็นอนพักผ่อนกันต่อ
จากนั้นตอนสายวันที่ 16 เม.ย.ขณะกำลังทำกิจกรรมในสถานกักขัง นายสุรัตน์ได้ยืนลักษณะโงนเงน และทรุดลงนั่งกับพื้น เพื่อนผู้ต้องกักขังเข้าไปพยุงตัวเห็นอาการไม่ดี และแน่นิ่งไปจึงแจ้งผู้คุมแจ้งให้พยาบาลมาดูอาการก็พบว่าม่านตาไม่ขยาย ความดันโลหิตสูง จึงรีบนำส่ง รพ.สมเด็จพระยุพราชจอมบึง แต่อาการหนักจึงส่งต่อ รพ.ศูนย์ราชบุรี พร้อมกับแจ้งญาติให้ทราบ
โดยเรื่องที่เกิดขึ้นท่านอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ให้ความสนใจมาก ท่านเป็นห่วงครอบครัวผู้บาดเจ็บ ซึ่งผู้บาดเจ็บประสบเหตุขณะอยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ จึงต้องมีการเยียวยาตามระเบียบ และเห็นใจครอบครัวผู้บาดเจ็บมาก ส่วนเรื่องความแออัดของผู้ต้องกักขังนั้น วันนี้ทางเรือนจำกลางราชบุรี จะย้ายผู้ต้องกักขังที่ยังควบคุมอยู่จำนวน 100 กว่าคน ไปที่สถานกักขัง จ.กาญจนบุรี เรือนจำกาญจนบุรี จำนวน50 คน เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก
“เหตุที่เกิดขึ้นตนเองไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว ยืนยันไม่มีการทำร้ายแน่นอน เอาตำแหน่งเป็นเดิมพัน หากมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ตนเองยินดีย้ายออกนอกพื้นที่” ผบ.เรือนจำกลางราชบุรี กล่าว
ด้านนางศศิมา ศรีพิพัฒน์ อาย 39 ปี นายจ้างของนายสุรัตน์ กล่าวหลังจากดูการจำลองเหตุการณ์แล้ว โดยมีรายละเอียดครบ แม้บางจุดอาจยังสงสัย แต่ก็อาจจะเป็นอุบัติเหตุได้ การที่ตนมาสอบถามในวันนี้ ทำเพื่อช่วยเหลือนายสุรัตน์ อย่างดีที่สุดแล้ว แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องรอผลการชันสูตรบาดแผลจากรพ.สมเด็จพระยุพราชจอมบึง และ รพ.ศูนย์ราชบุรี ว่าเกิดจากอุบัติเหตุหรือถูกทำร้ายผล ซึ่งจะรู้ผลอย่างช้าไม่เกินวันที่ 23 เม.ย.62 เมื่อผลสรุปออกมาอย่างไร ทาง ผบ.เรือนจำกลางราชบุรี และกรมราชทัณฑ์ จะดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบของกรมราชทัณฑ์ในเรื่องการเยียวยาครอบครัวของนายสุรัตน์
ส่วนนักโทษชายคนหนึ่งที่เป็นผู้ช่วยเหลือได้เปิดเผยว่า ตนเองได้อยู่ในห้องนั้นด้วย ตอนนอนตนเองไม่เห็น แต่มาเห็นตอนหมดสติแล้ว ขณะนั้นตัวเองนอนอยู่หน้าโทรทัศน์ เพื่อนตะโกนมาว่ามีคนเป็นลมหมดสติตนก็เลยเอายาดมไปป้ายจมูก ป้ายตา และไม่นานก็มีสติกลับขึ้นมา จากนั้นได้ตะโกนเรียกเจ้าหน้าที่ให้มาดู ไม่นานก็เริ่มมีสติและลุกขึ้นมานอนที่เดิมต่ออีกในท่าลักษณะนอนคว่ำ หันหัวไปทางกำแพง
หลังจากนั้นก็ไม่มีการตกลงมาอีก พอถึงตอนเช้าก็มีการเดินมานับยอด และยังเดินคุยกับตนเองอยู่เลย ไม่นานก็เริ่มเดินเซ เหมือนคนหมดแรงและมาล้มลงตรงนี้ แล้วพวกเราก็ช่วยกันอุ้มขึ้นมาไว้หน้าห้อง แล้วเจ้าหน้าที่ก็โทรศัพท์ตามหมอมาช่วย ล้มลักษณะใช้ก้นลงเหมือนคนหมดแรง แต่หัวไม่ฟาดพื้นเพราะมีคนช่วยประคองอยู่