xs
xsm
sm
md
lg

ตร.อุบลฯ ตามรวบหนุ่มศรีสะเกษสุดถ่อย อนาจารสาวกลางสี่แยกงานสงกรานต์

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อุบลราชธานี-จับแล้วหนุ่มศรีสะเกษ ทำประเพณีสงกรานต์เสื่อม ลวนลามสาว ขณะรถจอดติดไฟฟ้าแดงบริเวณสี่แยกไปเที่ยวถนนดอกไม้และสายน้ำเทศบาลนครอุบลราชธานี หลังเจ้าหน้าที่เห็นคลิปที่แชร์พฤติกรรมลวนลาม ตามจับตัวมาดำเนินคดี ชี้โทษหนักถึง 10 ปี







จากกรณีมีการนำคลิปพลเมืองดี ซึ่งถ่ายภาพกลุ่มวัยรุ่นที่มากับรถสงกรานต์ ตรงเข้ามากอดหอมแก้มและใช้มือลูบบริเวณก้นของหญิงสาวที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มากับเพื่อนสาว ขณะจอดติดไฟฟ้าบริเวณสี่แยกถนนเขื่อนธานีตัดกับถนนอุปราช ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อมุ่งหน้าเข้าไปร่วมเล่นสาดน้ำสงกรานต์ที่ถนนดอกไม้และสายน้ำที่สำนักงานเทศบาลนครอุบลราชธานีจัดขึ้น เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา

หลังคลิปเผยแพร่ออกไป พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ศิริพัฒน์ธนภาค ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุบลราชธานี สั่งการให้ พ.ต.อ.อดิเทพ พิชาดุลย์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี และ พ.ต.ท.ศิริพงษ์ สุดา รองผู้กำกับการสืบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองอุบลราชธานี ออกสืบสวนติดตามชายคนดังกล่าวมาดำเนินคดี แม้หญิงสาวในภาพที่ทราบชื่อภายหลังว่า น.ส.หน่อย นามสมมติ อายุ 26 ปี จะไม่ได้เข้าแจ้งความ เพื่อเอาเรื่องกับชายคนดังกล่าว

แต่เนื่องจากพฤติกรรมที่ชายคนดังกล่าวแสดงออกไม่เหมาะสม และสร้างความเสื่อมเสียแก่ภาพลักษณ์ของจังหวัดอุบลราชธานี เพราะเป็นการอนาจารต่อหน้าธารกำนันเป็นคดีอาญาที่เจ้าหน้าที่สามารถเป็นเจ้าทุกข์ได้เอง




ซึ่งจากการสืบสวนติดตาม เมื่อเย็นวันที่ 14 เม.ย. ชุดสืบสวนได้เข้าควบคุมตัวนายพิพัฒน์พงษ์ สิงห์แสน อายุ 29 ปี เป็นช่างก่อสร้าง ขณะพักอยู่บ้านเลขที่ 1/1 บ้านโนนรัง หมู่ 3 ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะ มารับทราบข้อกล่าวหาว่า กระทำการอันควรขายหน้าต่อหน้าธารกำนัล มีโทษ

หลังการสอบสวนนายพิพัฒน์พงษ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมทั้งกล่าวขอโทษผู้เสียหายที่เจ้าหน้าที่เชิญตัวมาให้ปากคำในฐานะผู้เสียหาย และชาวจังหวัดอุบลราชธานี โดยผู้ต้องหาระบุว่า สาเหตุเกิดจากความคึกคะนองและเมาสุรา โดยเล่าว่า ได้นั่งอยู่บริเวณท้ายกระบะรถสงกรานต์ พร้อมกับเพื่อนวัยรุ่น และเห็น น.ส.หน่อย นั่งซ้อนท้ายมากับเพื่อน ตั้งแต่รถแล่นขึ้นสะพานเสรีประชาธิปไตย ได้มีการพูดจาเกี้ยวพาราสีกัน

เมื่อรถของ น.ส.หน่อยและเพื่อนมาจอดติดไฟฟ้าแดงใกล้กันที่สี่แยกดังกล่าว กลุ่มเพื่อนได้ลงจากรถไปสาดน้ำและปะแป้ง ส่วนนายพิพัฒน์พงษ์ ก็ถือโอกาสลงไปกอดคอ น.ส.หน่อย พร้อมกับหอมแก้มและใช้มือลูบไปที่ก้น จนไฟฟ้าเขียว เพื่อนของ น.ส.หน่อยก็ขับรถออกไปนึกไม่ถึงจะมีเรื่องตามมา

ซึ่งภายหลังเจ้าหน้าที่นำตัวนายพิพัฒน์พงษ์ไปตรวจหาสารเสพติด พบมีผลเป็นบวก โดยผู้ต้องหาสารภาพว่า เพิ่งเสพยาบ้าไปเมื่อ 2 วันก่อน และก่อนหน้านี้ พบว่านายพิพัฒน์พงษ์ เคยถูกจับดำเนินคดีฐานครอบครองอาวุธปืน ถูกศาลสั่งจำคุก 9 เดือน ปรับ 6,000 บาทด้วย

ด้าน น.ส.หน่อย ผู้เสียหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่เชิญตัวมาให้ปากคำในฐานะผู้เสียหายเล่าว่า เป็นคนอำเภอวารินชำราบ แต่ไปทำงานอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ และได้ลากลับบ้านมาเที่ยวงานสงกรานต์ โดยวันเกิดเหตุเจอกลุ่มผู้ก่อเหตุ ขณะนั่งรถซ้อนท้ายข้ามสะพานแม่น้ำมูล ซึ่งระหว่างนั้นรถชะลอตัว นายพิพัฒน์พงษ์ได้พยายามจะเข้ามาหอมแก้มตนแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตนสะบัดตัวหลบได้

แต่เมื่อรถแล่นลงจากสะพานมาติดสัญญาณไฟฟ้าแดงอยู่ใกล้กัน นายพิพัฒน์พงษ์ ได้ฉวยโอกาสเข้ามาหอมแก้มตนอีกครั้ง ซึ่งตนก็ได้ใช้มือตีไปที่ไหล่นายพิพัฒน์พงษ์ และไม่คิดว่ามีคนถ่ายคลิปเอาไว้ เมื่อสัญญาณไฟเขียว เพื่อนก็ได้ขับรถแยกจากกลุ่มของนายพิพัฒน์พงษ์ ไปเล่นสาดน้ำที่ถนนดอกไม้และสายน้ำที่อยู่ใกล้กับสี่แยกดังกล่าว

แม้ไม่ได้เข้าแจ้งความหลังเกิดเหตุ แต่ น.ส.หน่อยก็ระบุว่า ตนก็รู้สึกไม่พอใจที่นายพิพัฒน์พงษ์ ถือโอกาสมาลวนลามตนเช่นกัน เพราะคนอื่นยังแค่เข้ามาปะแป้งธรรมดาเท่านั้น ส่วนเรื่องคดีความก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจดำเนินการไปตามกฏหมายต่อไป

หมายเหตุ:ขอบคุณภาพจากกลุ่มไลน์สื่อมวลชนอุบลราชธานี


กำลังโหลดความคิดเห็น