ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ปลุกกระแสคนเชียงใหม่ติดแฮชแท็ก “#เชียงใหม่จะไม่ทน” เหลืออดวิกฤตหมอกควันซ้ำซาก และอีกหลายปัญหาน่าเบื่อหน่าย จี้ภาครัฐและหน่วยงานราชการเร่งทบทวนพัฒนาวิธีการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาที่ยังก้มหน้าย่ำอยู่กับที่
วันนี้ (11 เม.ย. 62) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า จากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟป่าและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ต่อเนื่องยาวนานนับเดือนที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบต่อประชาชนหลายด้าน โดยเฉพาะผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะนี้ผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดียทั้งที่เป็นชาวเชียงใหม่และทั่วประเทศจำนวนมากต่างพากันติดแฮชแท็ก “#เชียงใหม่จะไม่ทน”
หลังจากที่วานนี้ (10 เม.ย.) เฟซบุ๊ก “บัณรส บัวคลี่” เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายบัณรส บัวคลี่ หนึ่งในแกนนำเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ได้โพสต์เชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันแสดงพลังด้วยการติดแฮชแท็กดังกล่าว เพื่อแสดงพลังในการเรียกร้องและขับเคลื่อนให้ภาครัฐและหน่วยงานราชการมีการพัฒนายกระดับวิธีการบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมทั้งปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นประจำอย่างซ้ำซากของจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อป้องกันปัญหาเดิมๆ ที่เกิดขึ้น
โดยโพสต์ดังกล่าวระบุว่า “เหมือนฝีแตก น้ำหนองไหลไม่หยุด ทุกเรื่องที่ประชาชนคนเมืองประสบล้วนแต่สะท้อนความย่ำแย่ของระบบ ป่าแหว่ง / ตัดต้นไม้เพื่อขยายถนนโดยไม่จำเป็นที่แยกรินคำ / มีประกาศอนุรักษ์ต้นยางนาแต่เอาแอสฟัลท์ปิดทับให้ตาย / อีเวนท์ปล่อยแถวแก้ฝุ่นควันจนคนทนไม่ไหว / ไฟไหม้ดอยหลวงในรอบห้าสิบปี /ไม่เอาแล้ว.รอฝนมาจบ รอปีหน้าค่อยฉีดน้ำขึ้นฟ้ากันใหม่ / นโยบายสีเขียว สุขภาพ สิ่งแวดล้อม สอบตก / ไม่เห็นใจประชาชนกันบ้างเลยหรือไง ฯลฯแบบนี้ไม่ไหวแล้วนะ ต้องมีการยกระดับการบริหารจัดการ ครั้งใหญ่เสียที....
วันนี้ได้เจอะพรรคพวกเพื่อนฝูง ที่แยกย้ายกันไปทำสิ่งที่ตนถนัดระหว่างวิกฤติฝุ่น ทุกคนบ่นเหมือนๆ กัน ควรจะพอได้แล้วกับสภาพเดิมๆ มาตรการเดิมๆ ปีนี้แปะๆ ทำไป ปีหน้าย้อนกลับมา ไม่ได้แก้อะไร #เชียงใหม่จะไม่ทน เรานัดหมายระดมสมองกันหลังสงกรานต์ หาทางหลุดจากวังวนแบบเดิมๆ ให้ได้ นัดหมายกันแล้ว ค่อยรู้สึกว่าสงกรานต์ยังมีความสุขอยู่บ้าง ระหว่างนี้ขอเชิญชวนทุกท่าน ถ้าเจอะหน้าใคร หรือนึกถึงเพื่อนคนใดจะแชตชวนนัดหมายกันไป – ไว้เจอกันหลังสงกรานต์ แต่ละกรณีผ่านมา มันเกินไปแล้ว ... เราจะไม่ยอมทน กับวังวนวิธีการเดิมปัญหาเดิม อีกแล้ว มากันนะครับ.....ป.ล. ถ้ารู้สึกแบบเดียวกัน ติดแท็ก #เชียงใหม่จะไม่ทน บอกกล่าวดังๆ ให้โลกได้ยินกันครับ บอกให้เขารู้ ว่าประชาชนรู้สึกแบบนี้”
นายบัณรส บัวคลี่ หนึ่งในแกนนำเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ เปิดเผยว่า การเชิญชวนให้ติดแฮชแท็ก “#เชียงใหม่จะไม่ทน” นั้น เกิดจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนของกลุ่มกลุ่มภาคประชาชนและนักกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในเชียงใหม่ ทั้งเครือข่ายเขียวสวยหอม, ภาคีคนฮักเชียงใหม่, โรงเรียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา และเครือข่ายขอคืนพื้นที่ป่าดอยสุเทพ ซึ่งจากการที่แต่ละกลุ่มได้มีโอกาสไปช่วยเหลือสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในช่วงวิกฤติปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กในปีนี้ ทั้งอย่างเปิดเผยและไม่เปิดเผย ทำให้ได้พบข้อเท็จจริงต่างๆ ที่สะท้อนให้เห็นว่าปัญหานี้เกิดขึ้นอย่างซ้ำซาก ซึ่งมีต้นเหตุสำคัญอย่างหนึ่งมาจากระบบหรือวิธีการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาของภาครัฐและหน่วยงานราชการที่ไม่มีการพัฒนานั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่รับฟังความต้องการของประชาชนอย่างลึกซึ้ง
ขณะเดียวกัน จากการพูดคุยยังเห็นตรงกันด้วยว่า ไม่ใช่แต่เพียงปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละอองขนาดเล็กเท่านั้น ที่เกิดปัญหาขึ้นเนื่องจากวิธีการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาของรัฐและหน่วยงานราชการ แต่ยังมีอีกหลายปัญหาของเชียงใหม่ที่เกิดขึ้นซ้ำซากด้วยต้นเหตุเดียวกัน ซึ่งเห็นพ้องกันว่าถึงเวลาที่ชาวเชียงใหม่ควรจะพอได้แล้วกับการทนรับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งปัญหาแบบเดิมๆ และกลไกการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ โดยการรวมพลังกันขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยการเรียกร้องให้ภาครัฐและหน่วยงานราชการพัฒนาระบบหรือวิธีการบริหารจัดการแก้ไขปัญหา ด้วยการติด“#เชียงใหม่จะไม่ทน”
พร้อมมีการกำหนดนัดหมายให้ประชาชนทั่วไปร่วมกันระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ ในวันที่ 17 เม.ย. 62 ที่วัดล่ามช้าง ในตัวเมืองเชียงใหม่ เพื่อรวบรวมนำเสนอและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาต่อไป ทั้งนี้หนึ่งในประเด็นที่น่าจะมีการพูดคุยกันในวันนั้นเป็นเรื่องของการกำหนดคุณสมบัติของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ที่กระทรวงมหาดไทยควรจะแต่งตั้งมาให้รับตำแหน่งในช่วงของการโยกย้ายช่วงปลายปี 62 นี้ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนชาวเชียงใหม่