ปธ.เจ้าหน้าที่บริหารบริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้าฝีมือคนไทย​ ไขข้อข้องใจ ทำไมถึงราคาแพง(ชมคลิป)

ฉะเชิงเทรา - เปิดใจประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอีเอ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าฝีมือคนไทย​ ทำไมถึงราคาแพง ยันไม่มีเป้าหมายผลิตผลงานเพื่อปั่นราคาหุ้น พร้อมให้ฝ่ายบริหารนำสื่อมวลชนเยี่ยมชมตัวรถยนต์ "MINE” รุ่น SPA1 (สปาวัน)


จากกรณีที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงในโลกสังคมออนไลน์เกี่ยวกับราคาเปิดตัวรถยนต์ "MINE” รุ่น SPA1 (สปาวัน) ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100 เปอร์เซ็นต์คันแรกโดยฝีมือคนไทย ซึ่งผลิตโดยบริษัท ไมน์ โมบิลิตี จำกัด เพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ และเปิดให้จองสิทธิภายในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 ด้วยราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาท

โดยในเบื้องต้น ได้มีการเปิดเผยถึงสาเหตุที่ต้องกำหนดราคาขายสูงว่าเป็นเพราะการใช้วัสดุในการผลิตตัวถังที่เป็นอะลูมิเนียม ที่จะไม่ทำให้เป็นสนิมและทำให้ตัวรถเกิดการผุกร่อนหรือเสียหายได้ง่าย ที่สำคัญยังสามารถยืดอายุการใช้งานได้ยาวนาน ผิดกับการใช้ตัวถังที่เป็นโลหะหรือเหล็กที่มีราคาถูกกว่านั้น

ล่าสุด วันนี้ (7 เม.ย.) นายธนพัชร์ สุขสุธรรมวงศ์ ผู้บริหารบริษัท ไมน์ โมบิลิตี จำกัด ได้นำผู้สื่อข่าวชมด้านในตัวรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของกลุ่มอีเอ แบบ 5 ที่นั่ง พร้อมบอกว่า รถยนต์รุ่นสปาวัน ได้เปลี่ยนจากการใช้เครื่องยนต์มาเป็นมอเตอร์ไฟฟ้าควบคุมด้วยอินเวอร์เตอร์ และระบบควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้าทั้งคันโดยมีตัวถัง หรือแชสซีส์เป็นอะลูมิเนียม ส่วนไฟส่องสว่างหน้าเป็นเดย์ไลท์ และภายในห้องโดยสารยังมีจอแสดงผลการควบคุมขนาด 12.1 นิ้ว รองรับการแสดงแผนที่ แอปพลิเคชัน บลูทูธ และฟังก์ชันการทำงานของตัวรถ ด้วยการควบคุมทั้งหมดบนหน้าจอที่สามารถนำทางไปหาสถานีชาร์จไฟฟ้าของ EA Anywhere ซึ่งมีจุดเด่นที่หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่กว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทุกราย

นอกจากการควบคุมการใช้งานที่หน้าปัดแล้ว ยังมีแผงสวิตช์ในการควบคุมบนพวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน รวมทั้งมีจอแสดงผลที่หน้าปัดคอนโซลหน้าแบบดิจิทัล พร้อมทั้งยังมีไวร์เลส ชาร์จเจอร์แบบไร้สายอยู่ใต้คอนโซลกลาง ควบคุมการขับเคลื่อนตัวรถด้วยปุ่มลูกบิดแบบหมุน D เดินหน้า R ถอยหลัง N เกียร์ว่าง และ P จอดอยู่กับที่ ควบคุมความเร็วหรือช้าด้วยระบบคันเร่งซิงเกิลสปีด มีช่องเสียบสาย USB สำหรับชาร์จอุปกรณ์ให้อีก 3 ช่องเสียบ เพื่อบ่งบอกว่าเป็นรถยนต์พลังงานสะอาด

ขณะที่ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารในกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด หรืออีเอ (E@) ผู้ประกอบธุรกิจด้านพลังงานทดแทน กล่าวถึงกรณีที่มีนักวิจารณ์มองว่าการนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของอีเอ ที่ผลิตออกมาขายในเชิงพาณิชย์และร่วมจัดแสดงภายในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 40 (2019) อาจเป็นการปั่นหุ้นของบริษัทนั้น ขอยืนยันว่าตนเองไม่ได้มีอาชีพซื้อหุ้นหรือขายหุ้น ดังนั้น การปั่นหุ้นจึงไม่มีประโยชน์อะไร

“กลุ่มอีเอ จะไม่ยอมเสียชื่อด้วยการทำรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อปั่นหุ้นโดยเด็ดขาด ซึ่งปีที่ผ่านมาทางกลุ่มได้ประกาศว่าจะผลิตรถยนต์ในรูปแบบคอนเซ็ปต์คาร์ ในปีนี้เราก็ทำประชาสัมพันธ์ตามที่เราได้ประกาศไว้ ซึ่งทางบริษัทได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีใครเชื่อว่าคนไทยจะสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ และเราก้าวมาถึงขึ้นผลิตในเชิงอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์แล้ว ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปั่นหุ้น แต่เราต้องการส่งเสริมให้คนไทยมีอุตสาหกรรมใหม่ๆ เพื่อให้ประเทศชาติเจริญ”

นายสมโภชน์ ยังเผยอีกว่าก่อนหน้านี้ กลุ่มอีเอได้จัดทำโครงการโซลาร์ฟาร์มซึ่งในช่วงแรกๆ ไม่มีใครคิดว่าคนไทยจะทำได้ กระทั่งมีการผลิตกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า ซึ่งทางกลุ่มได้ทำสำเร็จทั้งหมด จนนำมาสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหากได้รับความสนใจจากคนไทยมากๆ ก็จะทำให้มีอำนาจในการต่อรองกับซัปพลายเออร์ ที่จะทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้

“ที่อยากจะบอกก็คือรถยนต์ไฟฟ้าที่เราผลิตนั้นราคาไม่ได้สูงเกินกว่าผู้ผลิตรายอื่นมากนัก ซึ่งทางกลุ่มอยากให้ต้นทุกการผลิตของเราถูกลงและหากมีคำสั่งซื้อจำนวนมาก เราก็สามารถต่อรองกับคู่ค้าได้ จึงอยากให้คนไทยให้กำลังใจเราเพื่อให้มีพลังในการผลิตผลงานชิ้นต่อไปมากกว่าการที่จะออกมาตำหนิกัน”

นายสมโภชน์ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า กลุ่มอีเอ มีความตั้งใจจริงที่จะก่อตั้งโรงงานเพื่อเดินสายการผลิตแบบครบวงจรที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และยืนยันว่าไม่ใช่การขายฝัน และหากการก่อสร้างโรงงานผลิตแล้วเสร็จเชื่อว่าจะมีผลต่อต้นทุนการผลิตที่ลดลงได้