xs
xsm
sm
md
lg

เผยโฉมหน้า 5 ว่าที่ ส.ส.นครปฐม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


นครปฐม - เผยหน้าตา ว่าที่ ส.ส.นครปฐม 5 ครบแล้ว น่าจับตาการประกาศรับรองการเลือกตั้งว่าจะมีขึ้นได้เมื่อใด เนื่องจากมีการร้องเรียนและจับกุมการซื้อเสียงอย่างน้อย 2 เขตเลือกตั้ง โดยหนึ่งในนั้นเขต 4 น่าจับตาว่าสถานการณ์สุดท้ายจะลงเอยอย่างไร

เก็บตกหลังจบกรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนครปฐม เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งในพื้นที่จังหวัดนครปฐม แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 5 เขตการเลือกตั้งในพื้นที่ 7 อำเภอ ซึ่งหลังการเลือกตั้ง ผลปรากฏออกมาได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นในหลาย ๆเรื่อง และนับเป็นจังหวัดหนึ่งที่เกิดปรากฏการณ์ช้างล้ม อีกหนึ่งจังหวัดไม่แพ้กับหลาย ๆ จังหวัดที่มีการหักปากกาเซียน เพราะ 4 ใน 5 ของผู้ได้รับชัยชนะอย่างไม่เป็นทางการ ถือเป็นสมาชิกราษฎรหน้าใหม่ ที่ไม่เคยเข้าไปนั่งในสภาผู้แทนราษฎรมาก่อน

โดยในพื้นที่เขต 1 แม้ พันโทสินธพ แก้วพิจิตร จากพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นเจ้าของเก้าอี้เดิมและมีฐานเสียงในเขตเทศบาลนครนครปฐม รวมถึงพื้นที่โดยรอบอำเภอเมืองนครปฐม ในฐานะบุตรชายของ นายสุนทร แก้วพิจิตร นักการเมืองมากประสบการณ์ระดับเก๋า แถมดีกรี ที่เป็นศิษย์เก่าจากโรงเรียนเตรียมทหาร และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าฯ และปริญญาเอกจากประเทศสหรัฐอเมริกา ถือว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถไม่น้อย และเริ่มเดินลงหาเสียงมาอย่างต่อเนื่องนานนับปี แต่การเลือกตั้งในสนามนี้แม้จะได้รับชัยชนะมาตามความหมาย แต่สิ่งที่ไม่คาดหมายนั่นคือการคว้าชัยชนะแบบหืดจับแบบหายใจกันยาว ๆ เรียกว่าได้รับชัยชนะเหนือคู่แข่งเพียงระดับไม่เกิน 1 พันคะแนน ทำให้รู้ว่าหากไม่เดินลงพื้นที่อย่างหนักหน่วงมาก่อน ก็มีสิทธิที่จะพลาดล้มตกเก้าอี้ได้เช่นกัน

ส่วนพื้นที่เขต 2 ถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการจับตามากที่สุด เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูงที่สุด เพราะเป็นการลงสมัครในสนามการเมืองครั้งแรก แต่ ดร.พาณุวัฒน์ สะสมทรัพย์ หรือเสี่ยโหน่ง พรรคชาติไทยพัฒนา ก็สามารถเอาชนะใจพี่น้องประชาชน โดยสามารถโค่นแชมป์เก่า คือ นายรัฐกร เจนกิจณรงค์ หรือ ส.ส.เบ้ ผู้สมัครจากพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ลงได้ตามความคาดหมาย แม้ก่อนการเลือกตั้ง เสี่ยโหน่งตัดสินใจลงสมัครในช่วงโค้งสุดท้ายของช่วงก่อนการรับสมัคร แต่เมื่อตัดสินใจแล้ว จึงเป็นการลงสนามแบบหันหัวเรือกลับไม่ได้ การเดินลงหาเสียงอย่าหนักกระทั่งเข่าอักเสบต้องใช้อุปกรณ์พยุงเข่า เดินลงหาเสียงทั้งท้องไร่ ท้องนา ตลาด ชุมชน แบบครบทุกครัวเรือน โดยมี มาดามหน่อย ดร.ชุตินันศ์ สะสมทรัพย์ ภรรยา เดินร่วมหาเสียงเคียงข้าง ยิ่งได้กำลังจาก นายไชยา สะสมทรัพย์ บิดา นักการเมืองหมายหนึ่งของจังหวัดนครปฐม อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง มาคล้องมาลัยและอวยพรให้ประสบความสำเร็จ ยิ่งทำให้มีกำลังใจมากขึ้น โดยอาศัย คอนเซ็ปต์ เข้าถึงพึ่งได้ สำนึกรักบ้านเกิด “เกิดที่ไหน ต้องทำประโยชน์ให้ที่เกิด” “อยู่ที่ไหน ต้องทำประโยชน์ให้ที่อยู่” ทำให้ได้ใจชาวบ้านและเทคะแนนกลับมาสู่ลูกไม้ของตระกูลสะสมทรัพย์ในที่สุด

พื้นที่เขต 3 ถือเป็นพื้นที่ที่พลิกความคาดหมาย เนื่องจาก น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา พรรคอนาคตใหม่ สามารถคว้าชัยเข้าป้ายแบบเหนือความคาดหมาย เพราะยิ่งเป็นผู้สมัครหน้าใหม่ แถมไม่เคยก้าวเข้ามาในสนามการเมืองท้องถิ่น ครั้งแรกถูกมองเป็นเพียงไม้ประดับที่ทางพรรคส่งมาเพื่อให้มีผู้ให้ลงสมัครครบทุกเขตเท่านั้น แต่เมื่อผลออกมากลับทำให้ทั้งน้ำหมึกและขวดหมึกหกใส่กระดาษของเซียนการเมืองไม่น้อย เพราะคู่แข่งอย่างนายก่อเกียรติ สิริยะเสถียร พรรคชาติไทยพัฒนา นั้นเป็นเจ้าของเก้าอี้เดิมและถูกคาดหมายว่าจะเป็นคู่แข่งที่สนุกร่วมกับนายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า จากพรรคพลังประชารัฐ แต่สุดท้ายกระแสของพรรคก็มีผลกับสนามในเขตเลือกตั้งที่ 3 สนามหนึ่ง

พื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 4 เป็นพื้นที่ที่พลิกเกินความคาดหมายไม่น้อย เมื่อนายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.ในหลายสนามแต่ไม่เคยได้รับชัยชนะในสนามการเมืองใหญ่ กลับเข้าเส้นชัยมาได้พร้อมกับเอาคะแนนพ่วงมาให้กับพรรคพลังประชารัฐแบบหน้าตาเฉย โดยสามารถคว่ำแชมป์เก่า คือ นายอนุชา สะสมทรัพย์ หรือเฮียหมวย รองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ตัวเต็งสุดกู่ไปได้อย่างพลิกความคาดหมายของคนในจังหวัดนครปฐม เพราะถือว่านายอนุชานั้นทำการบ้านในพื้นที่มานานมาก พ่วงกับการเดินหาเสียงเช้าจรดมืด ซึ่งเขตการเลือกตั้งนี้ กำลังมีประเด็นในการจับกุมผู้ที่ซื้อและขายเสียงได้ในวันเลือกตั้ง กระทั่งตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนาได้ นำหนังสือไปร้องเรียนต่อกรรมการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครปฐมเพื่อพิจารณาแล้ว โดยสนามในเขต 3 อาจจะถือว่ายังไม่จบก็ได้เพราะต้องรอการชี้ขาดและฟันธงว่าจะมีการแจกใบแดงหรือไม่ ถ้าการจับกุมมีมูลและพยานหลักฐานชัดเจน ก็ต้องบอกว่าสงครามยังไม่จบและอาจจะมีการได้ลุ้นกันอีกหากสถานการณ์เป็นเช่นนั้น

พื้นที่เขต 5 เป็นเขตที่ทำให้เซียนการเมืองถึงกับกลับบ้านไม่เป็น เพื่อเจ้าของเก้าอี้เดิม คือ นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา นั้นไม่สามารถรักษาแชมป์ไว้ได้ โดยมี นางจุมพิตา จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ สามารถคว้าชัยไปได้ และเป็นอีกพื้นที่ที่ ผู้สมัครเป็นคนหน้าใหม่ในแวดวงการเมืองในจังหวัดนครปฐม แม้ว่าในสนามนี้จะเป็นสนามที่ไม่ได้มีใครคาดคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นเพราะคู่แข่งที่น่าสนใจก็มีเพียง ดร.ระวังเนตร โพธิ์แก้ว จากพรรคพลังประชารัฐ และนายสุรชัย อนุตธโต จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่น่าจะมาดึงคะแนนไปได้บ้างเท่านั้น

ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะคนนครปฐม ตื่นตัวในเรื่องของนโยบายใหญ่ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองในอนาคต ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงเขตการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งทำให้ฐานเสียงเดิมอาจจะกระจายข้ามเขตไปอยู่ในเขตที่ตนเองไม่ได้สามารถเลือกผู้สมัครเดิมได้ จึงได้การเลือกที่พรรคการเมืองเป็นหลัก อีกส่วนจากการคะเน คือการออกมาใช้สิทธิของวัยรุ่นที่เพิ่งได้โอกาสลงคะแนนเสียงครั้งแรก อาจจะชื่นชอบแนวคิดใหม่ของคนรุ่นใหม่ ซึ่งจากผู้สมัครทั้งหมดที่ได้รับชัยชนะ เป็นกลุ่มของคนรุ่นใหม่ ที่หลายคนก็เป็นครั้งแรกที่จะได้เข้ามาทำงานทางการเมือง จึงเป็นตัวแปรที่มีการเทคะแนนแบบตัดคะแนนในส่วนของตัวเก็งออกไปไม่น้อย

โดย คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครปฐม รายงานผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 62 ที่ผ่านมาอย่างไม่เป็นทางการ โดยผลการเลือกตั้งแบ่งเป็น 5 เขตดังนี้

เขตเลือกตั้งที่ 1 พันโทสินธพ แก้วพิจิตร 35,762 คะแนน

เขตเลือกตั้งที่ 2 นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ พรรคชาติไทยพัฒนา 30,215 คะแนน

เขตเลือกตั้งที่ 3 น.ส.สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา พรรคอนาคตใหม่ 40,660 คะแนน

เขตเลือกตั้งที่ 4 นายปฐมพงศ์ สูญจันทร์ พรรคพลังประชารัฐ 32,110 คะแนน

เขตเลือกตั้งที่ 5 นางจุมพิตา จันทรขจร พรรคอนาคตใหม่ 34,164 คะแนน

จากนี้คงต้องมาลุ้นว่า การร้องเรียนการทุจริตในการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ที่อย่างน้อยมี 2 เขตการเลือกตั้ง คือในเขต 2 และเขต 4 ซึ่งมีการจับกุมและรับสารภาพว่าได้ลงมือกระทำความผิดในเบื้องต้นว่าจะมีการสาวถึงใครบ้าง หรือจะมีการให้ปากคำอย่างไรกับทีมสืบสวนสอบสวนของกกต.นครปฐม ซึ่งอาจจะเป็นตัวแปรใหม่ที่จะเกิดขึ้นถึงขั้นจะมีการเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นหรือไม่คงต้องจับตาดูกันต่อไป







กำลังโหลดความคิดเห็น