นครพนม - กกต.นครพนมเผยตัวเลขผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง 65% บัตรเสียร้อยละ 10 ด้าน “ครูแก้ว” กู้หน้าให้ภูมิใจไทยสำเร็จ ที่เหลืออีก 3 เขตเพื่อไทยยึดหมด ด้านพลังประชารัฐแพ้หมดรูป แม้แต่ “หลานพ่อใหญ่จิ๋ว” ยังลุ้นไม่ขึ้น
วันนี้ (25 มี.ค.)นายสมพล พงษ์พิพัฒน์ ผอ.กกต.นครพนม เปิดเผยตัวเลขการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 553,420 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 361,703 คน คิดเป็น 65% มีบัตรเสียประมาณเขตละ 3% รวมทั้งจังหวัดราว 10 %
ขณะเดียวกัน เครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้ง (ANFREL) ได้ส่งทีมงานเข้าสังเกตการณ์ลงคะแนนเลือกตั้งในจังหวัดนครพนม โดยดูในเรื่องการเลือกตั้งสงบเรียบร้อย หรือมีเหตุการณ์รุนแรงต่างๆ เกิดขึ้นหรือไม่ ตลอดจนการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ในส่วนของเจ้าหน้าที่ซึ่งดูแล้วก็เป็นปกติ จึงได้แสดงความยินดีกับ กกต.นครพนม ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ราบรื่น ไม่มีผู้กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแต่อย่างใด
สำหรับผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.นครพนม ทั้ง 4 เขต อย่างไม่เป็นทางการทำให้ทราบแล้วว่า เขต 1 นายศุภชัย โพธิ์สุ (ครูแก้ว) พรรคภูมิใจไทย มีคะแนนนำโด่งแบบม้วนเดียวจบ 48,719 ชนะผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย นายยุทธจักร เรืองวรบูรณ์ ที่ได้มาแค่ 21,049 ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ได้ 7,354 ส่วนนายธงทิพย์ชลิต แห่สถิตย์ อดีตเด็กในคาถาของครูแก้ว ที่แยกตัวไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ได้คะแนน 6,799
เขต 2 นางมนพร เจริญศรี พรรคเพื่อไทย อาศัยกระแสพรรคยังแรง คนเสื้อแดงอุ้มเข้าสภาด้วยคะแนน 39,534 ขณะคู่แข่ง น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ หลานสาวของพ่อใหญ่จิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้มา 21,984 ส่วนพรรคอนาคตใหม่ได้ 8,910
เขต 3 ถือว่าดุเดือดที่สุด นายไพจิต ศรีวรขาน พรรคเพื่อไทย ยังคงรักษาแชมป์ไว้ได้ ด้วยการเฉือนชนะ นพ.อลงกต มณีกาศ พรรคพลังประชารัฐ 30,644 ต่อ 28,679 คะแนน พรรคอนาคตใหม่ไล่มาเป็นที่ 3 ด้วยคะแนน 10,028
สุดท้าย เขต 4 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย หลังย้ายจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อ มาลงเลือกตั้งเขต สามารถโค่นแชมป์เก่า นายชูกัน กุลวงษา พรรคพลังประชารัฐ 44,675 ต่อ 28,326 คะแนน และพรรคอนาคตใหม่ได้ 7,795 คะแนน
หลังจากนี้ ในกรณีที่พรรคภูมิใจไทยได้เข้าร่วมรัฐบาล โอกาส “ครูแก้ว” ได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งก็มีสูง อดีตเคยเป็น รมช.เกษตรฯ มาแล้ว
ขณะที่ นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5 พรรคเสรีรวมไทย ก็กลายเป็นว่าที่ ส.ส.อีกคนหนึ่ง เพราะทาง พรรคมีคะแนนรวมทั่วประเทศเข้าเกณฑ์ตามกติกาการเลือกตั้งกำหนดไว้ จึงจะได้กลับเข้าสภาอีกครั้ง
ส่วนนายอรรถสิทธิ์ คันคาย ทรัพยสิทธิ์ อดีต ส.ส.นครพนม 7 สมัย หลังถูกปลดล็อกทางการเมือง 5 ปี กรณีพรรคไทยรักไทยถูกยุบเพราะเป็นกรรมการบริหาร ได้มาอยู่กับพรรคเพื่อคนไทย ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5 ซึ่งผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคเพื่อคนไทยมีคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ทำให้ไม่มีใครเป็น ส.ส.แม้แต่คนเดียว