xs
xsm
sm
md
lg

รวบแล้ว! ที่แท้สาวแสบคนนครฯ งัด 3 มหาวิทยาลัยดังเชียงใหม่ลักทรัพย์ สอบพบติดหวยหุ้น ก่อเหตุทั่วไทยร่วม 5 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เชียงใหม่ - ตำรวจเชียงใหม่ ประสานตำรวจนครปฐม ตามรวบแล้วสาวแสบชาวนครศรีธรรมราช ทาสพนันหวยหุ้น งัดห้องกวาดเงิน 3 มหาวิทยาลัยดังเชียงใหม่ สอบประวัติพบตระเวนก่อเหตุทั่วประเทศมาร่วม 5 ปี ลักทรัพย์มหาวิทยาลัยทั่วไทยกว่า 50 ครั้ง

เที่ยงเศษวันนี้ (25 มี.ค.) พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว น.ส.แอม มาสิงห์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 224/1 หมู่ 1 ต.หลักช้าง อ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยของกลาง เสื้อยืดคอกลมสีดำ จำนวน 1 ตัว กางเกงวอร์มขายาว สีกรม จำนวน 1 ตัว เสื้อวอร์มแขนยาว สีดำ มีแถบบริเวณแขน จำนวน 1 ตัว และกระเป๋าสะพายหลังสีดำ จำนวน 1 ใบ

ดำเนินคดีข้อหา "ลักทรัพย์ในสถานที่ราชการในเวลากลางคืน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์โดยเข้าช่องทางซึ่งได้ทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางคนเข้า"

การจับกุมมีขึ้น หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุคนร้ายงัดกรงเหล็กหน้าต่างเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินในอาคารสำนักงานของมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้เงินสดไปประมาณ 194,000 บาท เมื่อคืนวันที่ 9-10 มี.ค.ที่ผ่านมา

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุและติดตามสืบสวนเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุรายนี้ จนทราบว่ามีลักษณะการก่อเหตุเดียวกันกับคนร้ายที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19 พ.ย.61 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ 7 มี.ค.62 และมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เมื่อวันที่ 8 มี.ค.62 นอกจากนี้ ยังทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวได้มาก่อเหตุตามมหาวิทยาลัยและสถาบันราชภัฏในเขตพื้นที่ภาค 5 ช่วงปลายเดือน พ.ย.61 ในพื้นที่ จ.เชียงราย พะเยา และลำปาง ด้วย

ทางเจ้าหน้าที่จึงได้เร่งดำเนินการสืบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ โดยการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ และความเคลื่อนไหวของคนร้ายตั้งแต่ก่อเหตุไปจนถึงโรงแรมที่พักของคนร้าย จนทราบว่าคนร้ายคือ น.ส.แอม มาสิงห์ อายุ 32 ปี แต่หลังก่อเหตุได้หลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้รวบรวมหลักฐานและขออนุมัติออกหมายจับ

ต่อมา ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ และ สภ.ช้างเผือก ได้ทำการสืบสวนติดตามตัวเพื่อจับกุมตามหมายจับ กระทั่งทราบเบาะแสว่า น.ส.แอม มาสิงห์ ได้หลบไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.ห้วยจรเข้ อ.เมืองนครปฐม และทราบข้อมูลว่ามีเหตุลักทรัพย์ลักษณะเดียวกันอีก ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกระทำของ น.ส.แอม อย่างแน่นอน

ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการสืบสวน จนกระทั่ง 23 มี.ค.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่ และ สภ.ช้างเผือก ได้เดินทางไปนครปฐม แล้วประสานความร่วมมือกับชุดสืบสวน สภ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ลงพื้นที่สืบสวนตรวจสอบหาตัว น.ส.แอม ไปตามสถานที่เช่าพักต่างๆ จนพบตัว น.ส.แอม ที่โรงแรมเอราวัณ ต.จรเข้ อ.เมืองนครปฐม จึงได้จับกุมตัวตามหมายจับ และข้อกล่าวหาดังกล่าว

สอบสวน น.ส.แอม รับสารภาพว่า ได้ลักทรัพย์ในมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.62 จริงตามหมายจับ โดยได้อาศัยวิธีการเข้าไปแฝงตัวเดินดูลาดเลาในสถานที่ก่อเหตุตั้งแต่ช่วงเย็น และรอให้ถึงช่วงค่ำคืนที่ปลอดสายตาคน ลงมือก่อเหตุด้วยวิธีการใช้ค้อนงัดกรงเหล็กหน้าต่างแล้วเข้าไปทำการก่อเหตุลักทรัพย์ โดยค้นหาทรัพย์สินภายในอาคาร และฝังตัวในนั้นจนถึงเช้ามืดจึงหลบหนี

โดยที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุตามมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ มานานกว่า 5 ปีแล้ว และก่อเหตุมาไม่ต่ำกว่า 50 ครั้ง ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้ สืบเนื่องมาจากต้องการหาเงินไปเลี้ยงลูก 2 คน ประกอบกับตัวเองติดการพนันหวยหุ้น ต้องนำเงินมาลงทุนครั้งละหลายหมื่นบาท พอเงินหมดก็จะออกตระเวนลักทรัพย์ จนกระทั่งถูกจับกุมได้ในที่สุด

ด้าน พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา พบว่า มีการก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง ส่วนสาเหตุที่ทางผู้ต้องหาเลือกลงมือในมหาวิทยาลัย เนื่องมาจากมหาวิทยาลัยเป็นสถานที่เปิด ไม่เหมือนโรงเรียน เมื่อผู้ต้องหาแต่งตัวธรรมดาก็สามารถเข้าไปได้ เพราะเหมือนนักศึกษาหรือประชาชนทั่วไป แต่หากเลือกก่อเหตุในโรงเรียนหรือสถานศึกษาอื่นๆ จะดูมีพิรุธ

โดยผู้ต้องหาจะเลือกเข้าไปในช่วงเย็นใกล้เลิกงาน ประมาณ 17.00 น. จากนั้นก็จะมีการเดินดูลาดเลา รวมทั้งดูเส้นทางเข้าออก แล้วรอจนค่ำ เวลาประมาณ 21.00-22.00 น. ซึ่งเป็นช่วงปลอดคน จึงลงมือก่อเหตุโดยเลือกห้องการเงิน ด้วยการใช้อุปกรณ์คือค้อนงัดกรงเหล็ก หรือเหล็กดัด ประตูและหน้าต่าง จากนั้นเข้าไปขโมยทรัพย์สินที่อยู่ภายใน แล้วฝังตัวรอเวลาจนกระทั่งถึงเช้ามืดจึงหลบหนีออกมา และอาศัยว่าเป็นผู้หญิงเดินทางมาคนเดียว จึงไม่เป็นที่ผิดสังเกต
ขณะเดียวกัน จากการสอบสวนผู้ต้องหา พบว่า คนร้ายรายนี้ได้ลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง ไม่มีใครร่วมมือกระทำด้วย และครั้งล่าสุดได้ลงมือก่อเหตุในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคกลาง มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท

ส่วนการดำเนินการติดตามจับกุมตัวนั้น เป็นผลมาจากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่ายในการติดตาม และแจ้งเบาะแส รวมไปถึงได้หลักฐานสำคัญจากภาพกล้องวงจรปิดทำให้สามารถติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ได้ในที่สุด โดยหลังการสอบสวนแล้ว จะได้ส่งตัวผู้ต้องหาให้ทางพนักงานสอบสวน สภ.ช้างเผือก ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น