ศูนย์ข่าวขอนแก่น - อสังหาฯ เมืองขอนแก่นโตไม่หยุด ทุนใหญ่ส่วนกลางผุดโครงการหรูแนวราบหลายทำเล ทั้งศุภาลัย แสนสิริ พฤกษา ฯลฯ ทั้งทุนท้องถิ่นลงทุนเพิ่ม รวมไม่น้อยกว่า 1,500 ยูนิต มั่นใจกำลังซื้อสูง ห่วงมาตรการคุมสินเชื่อ LTV ทำตลาดสะดุด
นายชาญณรงค์ บุริสตระกูล นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์จังหวัดขอนแก่น เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์จังหวัดขอนแก่นปี 2561 ที่ผ่านมา มีโครงการที่พักอาศัยเกิดขึ้นมาก เพื่อรองรับความต้องการของคนต่างถิ่นที่ย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในจังหวัดขอนแก่นอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพของเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ศูนย์กลางบริหารงานราชการของภูมิภาค ศูนย์กลางทางการแพทย์ ศูนย์กลางการศึกษา ทำให้ขอนแก่นกลายเป็นเมืองน่าอยู่ไปโดยปริยาย
กอปรกับขอนแก่นมีโครงการพัฒนาเกิดขึ้นหลายโครงการ เช่น โครงการขอนแก่นสมาร์ทซิตี้ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ซึ่งสถานีรถไฟขอนแก่น พัฒนาเป็นสถานีรถไฟยกระดับ ตลอดจนโครงการรถไฟรางเบาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้คนต่างถิ่นต้องการย้ายเข้ามาอยู่อาศัยในเขตเมืองขอนแก่นกันมากขึ้น โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาออกมาจึงสามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง
“โครงการที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นการพัฒนาในแนวราบ เป็นบ้านจัดสรร บ้านเดี่ยวชั้นเดียว บ้านเดี่ยวสองชั้น ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ ส่วนการพัฒนาในแนวดิ่ง ประเภทอาคารชุด คอนโดมิเนียม เกิดขึ้นในตลาดบ้าง แต่จำนวนไม่มากนัก ส่วนใหญ่อยู่โซนใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่น” นายชาญณรงค์กล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม โครงการลงทุนที่พักอาศัยในเมืองขอนแก่นปี 2562 นี้ พบว่ามีทุนอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของผู้ประกอบการส่วนกลาง เปิดตัวโครงการบ้านจัดสรร อย่างน้อย 4 ราย เช่น โครงการของกลุ่มแสนสิริ ลงทุนโครงการบ้านเดี่ยวริมถนนมะลิวัลย์ จากก่อนหน้านี้ได้พัฒนาโครงการแนวราบแถวริมบึงหนองโคตร และโครงการคอนโดมิเนียม เดอะเบส ไฮท์ ริมถนนมิตรภาพใกล้เซ็นทรัลขอนแก่น, โครงการบ้านจัดสรรของกลุ่มศุภาลัย 2 โครงการ ทำเลบริเวณหน้าค่าย ร.8 และโครงการบ้านจัดสรรริมบึงหนองโคตร,
โครงการบ้านจัดสรรของแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ บริเวณทางเลี่ยงเมืองขอนแก่น ขณะที่กลุ่มพฤกษา ก็เตรียมเปิดตัวอีก 2 โครงการเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาของกลุ่มผู้ประกอบการท้องถิ่นอีกหลายโครงการหลากหลายทำเลที่ตั้ง รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า 1,500 ยูนิต
นายชาญณรงค์กล่าวอีกว่า ในส่วนโครงการของพิมานกรุ๊ปที่ตนบริหารอยู่นั้น ปี 2562 นี้จะพัฒนาโครงการที่ต่อเนื่องจากโครงการเดิม ทั้งโครงการบ้านจัดสรรในหลายทำเล ประกอบด้วย โครงการพิมานชล, โครงการพิมานโนนทัน และโครงการพิมานหนองไผ่ จุดละประมาณ 70 ยูนิต ทั้งยังมีแผนขึ้นโครงการทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท สนองนโยบายรัฐบาล จับตลาดกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ส่วนโครงการแนวดิ่งมี 2 โครงการ คือ พิมานคอนโดมิเนียม ถนนชาตะผดุง (หลังโรงพยาบาลขอนแก่น) และพิมานคอนโดโนนม่วง
เหตุปัจจัยที่ขอนแก่นมีโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นหลายโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้งทุนส่วนกลาง และทุนท้องถิ่น เพราะเชื่อมั่นในกำลังซื้อของตลาดที่ขยายตัวได้เรื่อยๆ จากความต้องการที่อยู่อาศัยของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่หลากหลาย ทั้งกลุ่มที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาทำงานหรือศึกษาต่อ กลุ่มลูกค้าใหม่ที่กำลังสร้างครอบครัว ฯลฯ
กระนั้นก็ตาม ประเด็นที่น่าห่วง คือภาพรวมเศรษฐกิจระดับพื้นฐาน ทั้งภาคการเกษตร ธุรกิจ SMEs รายย่อย การค้าขายทั่วไป ซึ่งเป็นกำลังซื้อใหญ่ในตลาดนั้น กลับไม่ค่อยเติบโตเท่าที่ควร ธุรกิจมีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน, ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ อีกทั้งสถาบันการเงินระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งผู้ขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยกลุ่มนี้ไม่มีเงินฝากในบัญชี ทำให้ไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อ และที่สำคัญธนาคารแห่งประเทศไทยมีมาตรการคุมเข้มสถาบันการเงิน ป้องกันปัญหาฟองสบู่แตกซ้ำ
ด้านนางพีรญา รักสุจริต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เดอะสปริงเพลส จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในขอนแก่นอีกราย กล่าวเสริมว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่อาจกระทบตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดขอนแก่นในอนาคตอันใกล้นี้ กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมใช้มาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ LTV (Loan to Value) ด้วยการกำหนดวางเงินดาวน์ซื้อบ้านให้สูงขึ้น โดยเฉพาะการซื้อบ้านหลังที่สอง ที่กำหนดวางเงินดาวน์ไว้สูงถึง 20% ซึ่งมาตรการนี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2562 เป็นต้นไป
คาดว่ามาตรการดังกล่าวจะกระทบต่อลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าทั่วไปอาจมีคุณสมบัติไม่ผ่านเกณฑ์ประเมินจนไม่สามารถได้รับการอนุมัติสินเชื่อซื้อที่อยู่อาศัยได้ ซึ่งอยากให้รัฐบาลทบทวน และผ่อนคลายมาตรการ LTV ลงบ้าง โดยเฉพาะการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยส่วนตัวอยากให้รัฐชะลอมาตรการออกไปสักระยะเพื่อสนับสนุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
“สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ภาครัฐควรเร่งรณรงค์ คือการให้ความรู้กับประชาชนทุกสาขาอาชีพ ให้ความสำคัญต่อการออมเงิน บริหารรายรับรายจ่ายที่มีประสิทธิภาพ มีวินัยทางการเงิน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน หากรู้จักการออม มีวินัยในการใช้จ่ายตั้งแต่เนิ่นๆ ระยะยาวจะมีความมั่นคงทางการเงิน ไม่มีปัญหาการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน” นางพีรญากล่าว