สระแก้ว - ตลาดโรงเกลือ ชายแดนบ้านคลองลึก จากอดีตที่เคยโด่งดัง เป็นตลาดการค้าชายแดนภาคตะวันออกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันซบเซา ร้านค้าทยอยปิดตัว กระจายไปขายที่ใหม่ ทั้งนครปฐม และสระบุรี และเปิดขายออนไลน์ ผู้ประกอบการบ่นอุบอยู่ยากขึ้นทุกวัน
“ตลาดโรงเกลือ” จากอดีตที่เคยเป็นศูนย์กลางสินค้าแบรนด์เนมมือหนึ่งและมือสองจากทั่วโลก แหล่งชอปของคนทั้งประเทศ ทุกวันหยุดผู้คนจะหนาแน่นแห่กันมาเลือกซื้อสินค้าทั้งปลีกและส่ง นอกจากนี้ ยังมีสินค้าประเภทอื่นๆ ที่จำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันอีกมากมายที่มีชาวกัมพูชามาจับจ่ายเพื่อนำเข้าไปขายในประเทศ รวมทั้งคนไทยก็ท่องเที่ยวจับจ่ายสินค้า
ภาพที่เคยเห็นจนชินตา คือ บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองจะมีชาวกัมพูชา ต่างมายืนรอกันจำนวนมากเพื่อรอผ่านด่านเข้ามาฝั่งไทย ทั้งพ่อค้า แม่ค้าที่เข้ามาซื้อของ และกลุ่มที่เข้ามามาขายสินค้า รวมทั้งแรงงานที่เข้ามา
สำหรับสินค้าที่นักท่องเที่ยวนิยมมาชอปกันที่ตลาดโรงเกลือ ส่วนใหญ่จะเป็น กระเป๋า เสื้อผ้า กางเกงยีนส์ รองเท้า ข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน ที่นี่นอกจากจะขายส่งสินค้ามือสองให้แก่พ่อค้าที่มาชอปเพื่อไปขายต่อแล้ว ยังขายปลีกให้แก่นักท่องเที่ยวทั่วไปอีกด้วย
ต่อมา ยุคสมัยเปลี่ยนไป นอกจากสินค้าแบรนด์เนมแล้ว การค้าขายของก๊อบยังคงคึกคักทุกตลาด ได้แก่ ตลาดโกลเด้นเกต พลาซ่า ตลาดโรงเกลือ ตลาดเบญจวรรณ ศูนย์การค้าอินโดจีน ตลาดรัตนธรรม ตลาดเดชไทย และตลาดสตาร์ แต่หลังจากที่มีการกวดขันและคุมเข้มเรื่องสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำให้พ่อค้าแม่ค้าต้องคอยระแวดระวังการตรวจจับ ซึ่งหลายแห่งต้องปิดร้านหนี ทำให้ตลาดโรงเกลือวันนี้เงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด
พ่อค้าขายของมือสอง หนุ่มใหญ่ชาวสระแก้ว ดีกรีวิศวกรรมศาสตร์ กล่าวว่า เมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา หลังจากเรียนจบ ลองสมัครงานอยู่ระยะหนึ่งไม่มีใครเรียก จึงตัดสินใจกลับมาช่วยงานของครอบครัว ซึ่งค้าขายที่ตลาดโรงเกลือ ในสมัยนั้นเริ่มเปิดได้ไม่กี่ปี กำลังบูม เป็นที่กล่าวถึงไปทั่ว แต่สภาพของสถานที่ไม่ค่อยเจริญเท่าที่ควร ยังเป็นพื้นที่ดิน มีน้ำขังเวลาฝนตก แต่การเงินสะพัดผู้คนแน่นตลาด
“ตลาดโรงเกลือวันนี้เปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนสินค้าส่วนใหญ่เป็นของมือสอง จะเห็นพวกคนญี่ปุ่นมาตามหาซื้อกางเกงยีนส์ลีวายส์ริมแดง เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว สินค้าเมดอินยูเอสเอไม่มีแล้ว ในยุคนี้มีแต่ของก๊อบปี้ ปัจจุบันสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ตลาดโรงเกลือนี่ขึ้นชื้อ จากตลาดที่มีสินค้ามือสองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตอนนี้น่าจะเป็นสินค้าก๊อบปี้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไปแล้ว”
ทำให้พ่อค้าแม่ค้ารายได้หดหาย ตลาดขาดความคึกคัก รายได้พวกเราในช่วงที่บูมๆ รายได้หลักแสนต่อวัน ปัจจุบันเหลือแค่หลักร้อย บางวันขายไม่ได้เลยก็มี พ่อค้า แม่ค้าหลายรายต้องปิดกิจการไป แต่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าที่เป็นคนพื้นที่ ก็ต้องทนอยู่ต่อไป ทำได้แค่ประคับประคองกันไป พอเลี้ยงครอบครัวไปวันๆ เพราะไม่รู้จะไปประกอบอาชีพอะไร
ส่วนบางกลุ่มก็แตกสาขาไปขายในพื้นที่อื่นๆ ที่ขณะนี้มีตลาดโรงเกลือเกิดขึ้นหลายแห่ง ที่ดังๆ และกำลังเป็นที่นิยมคือ ที่นครปฐม และสระบุรี ประชาชนที่อยู่ในโซนทางภาคเหนือ ตะวันตก ก็จะไปซื้อที่โน่นแทน ยิ่งทำให้ตลาดโรงเกลือ คลองลึก ซบเซาลงไปอีก แต่ก็ยังมีกลุ่มที่พออยู่ได้คือ หันไปขายออนไลน์แทน ซึ่งขณะนี้มีผู้ประกอบการประเภทขนส่งสินค้ามาเปิดให้บริการกันจำนวนมาก
ปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดโรงเกลือซบเซา และอาจจะกลายเป็นเพียงตำนาน พวกเรามองน่าจะมาจากผลกระทบจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อในอดีต และสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมทั้งสินค้าก๊อบปี้ที่เข้ามาแทนที่สินค้ามือสอง
พ่อค้าขายของมือสอง กล่าวอีกว่า ปัจจุบันถ้ามาโรงเกลืออันดับแรกเลยต้องเจอของก๊อบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า รองเท้า ทุกแบรนด์มีหมด และคนซื้อก็ชอบ แต่จริงๆ เราพวกเราที่ขายของมือสองไม่อยากเป็นแบบนั้น แต่ก็ต้องยอมรับ ที่เป็นแบบนี้มันก็คือส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดโรงเกลือมีสีสันขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ส่งเสริมเพราะเวลาเขาถูกจับ ต้องปิดร้านกันไป
“ที่น่ากลัวสำหรับพวกเราอีกเรื่องหนึ่ง และสำคัญมาก อยากให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล คือ มีกลุ่มพ่อค้าคนจีนเข้ามาถึงแล้ว จากในอดีตไม่เคยมีมาก่อนเลย โดยกลุ่มคนจีนเข้ามาเปิดกิจการและนำเข้าสินค้ามาเองเลย ซึ่งหากไม่มีควบคุม ปล่อยเสรี ไม่สงวนสิทธิไว้ให้พื้นที่ อนาคตสินค้าก๊อบปี้จะทะลักเข้ามาตลาดโรงเกลือเต็มพื้นที่แน่นอน”
ตลาดโรงเกลือเปิดมาตั้งแต่ปี 2536 ในอดีตพ่อค้าแม่ค้าที่เปิดขายสินค้าในตลาดโรงเกลือ มีอยู่ประมาณ 3,000 ร้าน ราคาค่าเช่าก็สูงถึงเดือนละ 3-4 หมื่นบาทต่อห้อง แต่ปัจจุบันจำนวนร้านลดลงเกือบ 40% ค่าเช่าห้องก็มีการปรับราคาลงมาเพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าอยู่ได้