เลย - กกต.เลยรับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย กรณีคุณหญิงสุดารัตน์ขึ้นปราศรัยหาเสียงเข้าข่ายหลอกลวง ตามมาตรา 73 (5) ด้านทนายผู้ร้องแจ้งความตำรวจถูกขู่เอาชีวิต ลั่นทำเพื่อความถูกต้องขอเดินหน้าให้ข้อมูลเอกสาร กกต.เพิ่มเติม
จากกรณีเมื่ออาทิตย์ก่อน นายอาณัศ ช้างอินทร์ อาชีพทนาย ได้ยื่นหนังสือร้องเรียน พร้อมกับคลิปบันทึกการปราศรัยหาเสียงของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ยุบพรรคเพื่อไทย ต่อพนักงานสืบสวนและไต่สวน กกต.เลย จากกรณีมีหลักฐานว่า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การหาเสียงเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทย ได้ปราศรัยประกาศบนเวทีที่จังหวัดเลยเข้าข่ายหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง เป็นการจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครของตน เป็นการอาศัยเกียรติคุณ และชื่อเสียงของผู้อื่นเพื่อประโยชน์ตนและพรรค อันเป็นการผิดกฎหมายมาตรา 73 (5) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ขณะปราศรัยบนเวที คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวอ้างว่าหากเลือกผู้สมัครของพรรคหมายเลข 4 เขต 1 เป็น ส.ส.ก็จะได้ตนเข้าไปเป็นผู้บริหารบ้านเมือง และก็จะได้ ส.จ.ชื่อดังท่านหนึ่งของ จ.เลย เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งที่ ส.จ.รายที่ถูกกล่าวอ้างไม่ได้มีชื่ออยู่ใน ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคแต่อย่างใด
ล่าสุดคณะกรรมการการไต่สวนที่ได้รับการแต่งตั้งจาก กกต.กลาง ได้ทำหนังสือให้นายอาณัศ ช้างอินทร์ เข้าชี้แจงให้การเพื่อประกอบคำร้อง พร้อมกับให้แสดงเอกสารพยานหลักฐานประกอบ แต่วันนี้ (14 มี.ค.)นายอาณัศ ช้างอินทร์ ได้เข้ามาขอเลื่อนคำให้การชี้แจงประกอบคำร้อง แต่ได้มาขอส่งเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวบุคคลที่อยู่ร่วมบนเวทีปราศรัย
ด้านนายกวี ไพศาลศรี ผอ.กกต.จ.เลย เปิดเผยว่า ภายหลังที่นายอาณัศเข้าร้องขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย ในประเด็นผิดกฎหมายมาตรา 73 (5) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ เข้าข่ายหลอกลวง พนักงานสืบสวน ไต่สวน ตรวจคำร้อง และได้แสดงความเห็นว่าควรจะรับเป็นคำร้องหรือไม่ ปรากฏว่าการร้องของนายอาณัศเป็นไปตามระเบียบและจากการตรวจสอบสามารถรับคำร้องได้ ขณะนี้ทาง กกต.ได้มีคำสั่งรับการร้องเรียนไปแล้ว และได้มอบให้คณะกรรมการไต่สวนดำเนินการไปแล้ว
“ทนายอาณัศได้มายื่นคำร้องเพิ่มเติมเพื่อให้คำร้องชัดเจนขึ้น หลังจากการตรวจสอบก็ได้มีการสั่งรับ และให้รวมสำนวนกับสำนวนเดิม และได้ส่งให้กรรมการสืบสวนและไต่สวน โดยท่านประธาน กกต.กลางเป็นผู้ลงนามแต่งตั้ง ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่จากพื้นที่และส่วนกลางทำงานร่วมกันเพื่อตรวจพิสูจน์ข้อเท็จจริง”
อย่างไรก็ตาม รายงานเพิ่มเติมแจ้งว่า ในวันเดียวกันนี้ นายอาณัศ ช้างอินทร์ ทนายความผู้ร้องยุบพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปแจ้งความต่อ พ.ต.ท.สามารถ ตองหว้าน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเลย เพื่อร้องทุกข์ว่ามีชายคนหนึ่งเดินทางไปข่มขู่ตนถึงศาลจังหวัดเลยขณะไปปฏิบัติหน้าที่ทนายความ ทันทีที่เผชิญหน้ากัน ชายคนดังกล่าวได้พูดทำนองว่า หากไปเดินเรื่องหรือไปส่งเรื่องการยุบพรรคเพื่อไทยที่กรรมการการเลือกตั้งจังหวัดเลย หากเป็นอะไรไปจะทำอย่างไร
“ผมรู้จักกับชายคนดังกล่าวมาก่อน ผมมองว่ากำลังเหมือนถูกข่มขู่เอาชีวิต จึงต้องแจ้งความไว้เป็นหลักฐานว่าถูกพูดจาข่มขู่ให้เกิดความกลัว” นายอาณัศกล่าว และย้ำว่า
กรณีการร้อง กกต.เพื่อให้ยุบพรรคเพื่อไทยนั้นตนจะเดินหน้าตามกระบวนการของ กกต.ต่อ ตนไม่รู้สึกหวาดกลัวเพราะเชื่อว่าทำในเรื่องที่ถูกต้อง และจะส่งข้อมูลเพิ่มเติมตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งร้องขอเพราะเป็นผลประโยชน์ส่วนรวมของคนจังหวัดเลย
