xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนรอยคดี! “ผู้กองเหน่ง” ทหารเหี้ยมอุ้มฆ่า “ผอ.อ้อย” หลอกไปปลิดชีพทิ้งกลางป่าข้างฐานทหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รายงานพิเศษ

ย้อนรอยไปเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 8 ส.ค. 2560 คดีนายทหารโหดอุ้มฆ่า “ผอ.อ้อย” อบต.ซำ ศรีสะเกษ ทิ้งอำพรางศพในป่าชายแดนข้างฐานทหาร จ.อุบลราชธานี ได้ถูกเปิดเผยขึ้น หลังนายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65 บ้านซำเม็ง ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วยนายบัวกัน อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.16 บ้านโนนเจริญ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ น้องชายและญาติพี่น้องอีก 2 คน ได้เดินทางมาเข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าว

ระบุว่า น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ “ผอ.อ้อย” อายุ 37 ปี รับราชการในตำแหน่ง ผู้อำนวยการ (ผอ.) กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ชำ อ.กันทรลักษ์ ลูกสาวของนายบุญเลิศ และเป็นหลานสาวของนายบัวกัน ได้หายตัวไปพร้อมด้วยรถยนต์เก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน กษ 8201 เชียงใหม่ ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ปล่อยให้ “น้องใบเฟิร์น” ลูกสาววัย 8 ขวบ อยู่กับพ่อและตายายมานานกว่า 1 เดือนแล้ว
นายบุญเลิศ  อุ่นอ่อน  พ่อของ  ผอ.อ้อย ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน
น.ส.จุฑาภรณ์  อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ผู้เสียชีวิต
ทุกปมมุ่งเอี่ยวกิ๊ก “นายทหาร”
พ่อเชื่อลูกสาวถูกอุ้มฆ่าล้างหนี้

นายบัวกัน อาของ น.ส.จุฑาภรณ์ หรือ “ผอ.อ้อย” บอกว่า หลานสาวที่หายตัวไปได้แต่งงานกับ “นายวิทยา เกษแก้ว” อายุ 37 ปี ทำงานเป็นต้นหนเรือเดินทะเล และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน โดยทั้ง 2 คนเช่าบ้านอาศัยอยู่ที่หลังธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) อ.กันทรลักษ์ ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2560 หลังจากที่ น.ส.จุฑาภรณ์ไปส่งลูกสาวที่โรงเรียนในช่วงตอนเย็นของวันเดียวกันนั้น ได้โทรศัพท์แจ้งให้นายบุญมี ผู้เป็นพ่อไปรับลูกสาวแทนให้ด้วย

หลังจากนั้น “ผอ.อ้อย” ได้หายตัวไป โดยไม่ยอมรับโทรศัพท์จากครอบครัวหรือญาติพี่น้องอีกเลย นายบุญเลิศ พ่อของ “ผอ.อ้อย” ได้ไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.บึงมะลู เมื่อวันที่ 20 ก.ค. 2560 เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามลูกสาวให้ ทั้งนี้ มีเบาะแสว่าก่อนหน้านี้มีนายทหารคนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่ใกล้เขาพระวิหาร ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับ ผอ.อ้อย มีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษ ทั้งที่นายทหารคนดังกล่าวมีภรรยาอยู่แล้ว

หลังจากหายตัวไป จากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคารของ ผอ.อ้อย พบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของแม่นายทหารคนดังกล่าวหลายครั้ง รวมทั้งยังพบข้อมูลมีการส่งแชตไลน์มาขอให้ทางญาติพี่น้องโอนเงินให้ครั้งละ 20,000 บาท จำนวนหลายครั้ง รวมแล้วเป็นเงินกว่า 300,000 บาท โดยที่ น.ส.จุฑาภรณ์ หรือ ผอ.อ้อย ไม่ยอมรับโทรศัพท์ของญาติพี่น้องแต่อย่างใด


นายบุญเลิศ พ่อของ “ผอ.อ้อย” กล่าวด้วยน้ำตานองหน้าว่า ลูกสาวไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อนเลย เชื่อว่าลูกสาวอาจเสียชีวิตไปแล้ว เนื่องจากขาดการติดต่อเป็นเวลานานกว่า 6 สัปดาห์ โดยปกติ น.ส.จุฑาภรณ์เป็นคนที่รักลูกสาวมาก เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นจึงคาดว่าลูกสาวอาจโดนคนมีสีอุ้มไปฆ่าล้างหนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเข้าไปทวงหนี้กับคนมีสีคนหนึ่งที่ยืมเงินไปจำนวนมากแต่ไม่ยอมส่งคืน เพราะมีพฤติกรรมติดการพนันฟุตบอลอย่างหนักและมีหนี้สินรุงรัง อีกทั้งขณะที่หายตัวไปมีการโอนเงินจากบัญชีของ น.ส.จุฑาภรณ์ เข้าบัญชีของคนมีสีดังกล่าวด้วย

พบรถเก๋ง “ผอ.อ้อย” โผล่อู่สีอุบลฯ
จับ “ผู้กองเหน่ง” กับพวก 4 คน

วันที่ 9 ส.ค. 2560 นายวิทยา เกษแก้ว อายุ 37 ปี สามี ผอ.อ้อย ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ อีกครั้งว่าภรรยาหายตัวไป จากนั้น พล.ต.ต.สุรเดช เด่นธรรม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ศรีสะเกษ หลังได้รับรายงาน ได้สั่งแต่งตั้งชุดเฉพาะกิจขึ้นมาคลี่คลายคดีอย่างเร่งด่วน โดยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกับชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ชุดสืบสวน สภ.กันทรลักษ์ เจ้าหน้าที่ทหาร และ ตำรวจกองปราบปราม ออกสืบสวนหาเบาะแสร่องรอยของคดี

ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน 10 ส.ค. 2560 พบรถเก๋งของ “ผอ.อ้อย” ที่หายไป อยู่ที่อู่ทำสีรถแห่งหนึ่งที่ จ.อุบลราชธานี สภาพกำลังอยู่ในขั้นตอนของการทำสีรถใหม่ จึงได้ตรวจยึดรถมาไว้ ทำการตรวจสอบและพบเบาะแสว่า รถเก๋งของ น.ส.จุฑาภรณ์ มีการโอนลอยเอาไว้ แต่จากการตรวจสอบลายมือชื่อพบว่าคล้ายมีการปลอมลายเซ็นของ “ผอ.อ้อย” และจากการติดตามสัญญาณโทรศัพท์มือถือพบว่าสัญญาณโทรศัพท์ของ “ผอ.อ้อย” อยู่คู่กับสัญญาณโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นนายทหารคนหนึ่งและสัญญาณได้ขาดหายไปที่บริเวณใกล้กับฐานทหารแห่งหนึ่งใกล้ชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน จ.อุบลราชธานี


ชุดสืบสวนคดีนี้ได้ทำงานอย่างหนักและรวบรวมพยานหลักฐานสามารถออกหมายเรียกผู้ต้องหามาดำเนินคดีได้ คือ ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ “ผู้กองเหน่ง” นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี กับพวก รวม 4 คน เริ่มจากแจ้งข้อหาความผิดเกี่ยวกับการปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

พลิกป่าค้นหา 3 เดือนพบกะโหลก
ซุกข้างฐานทหาร ชายแดนอุบลฯ

ขณะที่ นายบุญเลิศ กับนายวิทยา สามีของ ผอ.อ้อย และญาติพี่น้อง ได้พากันออกตระเวนตามหาร่างของ “ผอ.อ้อย” ไปตามป่าเขาและตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และชายแดนไทย-ลาว ทุกแห่งที่สงสัยว่าจะเป็นที่ซุกซ่อนร่างของ ผอ.อ้อย

ช่วงบ่ายของวันที่ 23 ต.ค.2560 หลังการค้นหาร่างของ “ผอ.อ้อย” ผ่านไปนานกว่า 3 เดือน จึงประสบผลสำเร็จ เมื่อ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พร้อมด้วยนางแหลม อุ่นอ่อน อายุ 60 ปี และ นายบัวกัน อุ่นอ่อน ผู้ใหญ่บ้านโนนเจริญ พ่อแม่และอาของ ผอ.อ้อย ได้พากันมาเดินตามหาร่าง ผอ.อ้อย ที่บริเวณถนนทางไป เนิน 500 ห่างจากฐานอนุพงศ์ บ้านโนนสูง ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานีประมาณ 400 เมตร สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา นางแหลม อุ่นอ่อน แม่ของ ผอ.อ้อย ฝันว่า ผอ.อ้อย มาบอกว่าศพอยู่ข้างทางใกล้กับทางไปฐานทหารที่ อ.น้ำยืน ดังนั้นจึงได้พากันมาตามหา

โดยขณะที่นายบัวกัน เดินตามหา ผอ.อ้อย อยู่ในป่าห่างจากถนนทางไปเนิน 500 ประมาณ 50 เมตร ได้พบหัวกะโหลกมนุษย์วางอยู่บนพื้น ห่างออกไปประมาณ 5 เมตร พบเส้นผมยาวของผู้หญิงกองม้วนอยู่ และใกล้กันพบเข็มขัดผ้าและหัวเข็มขัดของข้าราชการที่เป็นแบบผ้าของผู้หญิงตกอยู่กับพื้น ใกล้กันยังพบนาฬิกาข้อมือแบบผู้หญิงวางอยู่ โดยนาฬิกายังคงเดินอยู่ รวมทั้งกระดูกส่วนต่างๆ ของมนุษย์

ร.อ.ศุภชัย  ภาโส  หรือ “ผู้กองเหน่ง”  เป็นจำเลยที่  1
นายบัวกันจึงได้รีบเรียกให้นายบุญเลิศและนางแหลมเข้ามาดู จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งให้นายวิทยา เกษแก้ว สามีของ ผอ.อ้อย และญาติพี่น้องมาตรวจดูที่เกิดเหตุ รวมทั้งแจ้งให้ พ.ต.อ.ประเสริฐศักดิ์ ศรีไชย ผกก.กลุ่มงานสอบสวน ภ.จว.ศรีสะเกษ พนักงานสอบสวนคดีนี้ และ พ.ต.ท.สังวร วันทะวี สารวัตรสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้รับทราบ และแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ

ฟ้อง “ผู้กองเหน่ง” 11 ข้อหา 13 กระทง
โทษสูงสุดประหารชีวิต

ผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอพบว่าเป็นกระดูกของ “ผอ.อ้อย” จริง วันที่ 8 ต.ค. 2560 พนักงานสอบสวนจึงได้แจ้งเดินคดีเพิ่ม 3 ข้อหาหนัก คือ ฆ่าคนตายโดยเจตนา ซ่อนเร้นอำพรางศพ และกักขังหน่วงเหนี่ยวทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนคดีส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง และ วันที่ 5 ม.ค. 2561 พนักงานอัยการจังหวัดกันทรลักษ์ ได้ส่งสำนวนคดีฟ้อง ร.อ.ศุภชัย กับพวก ต่อศาลจังหวัดกันทรลักษ์ ซึ่งสำนวนคดีมีจำนวน 4 แฟ้ม ประมาณ 3,000 หน้า

และศาลได้นัดสอบปากคำจำเลยนัดแรก เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2561 ในคดีอาญาหมายเลขดำ ที่ 81/2561 ระหว่างพนักงานอัยการ จ.กันทรลักษ์ โจทก์ ร.อ.ศุภชัย ภาโส จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย นางสุชาวดี ปทุมอินท์ จำเลยที่ 2 นายวิฑูรย์ ท้าวแก้ว จำเลยที่ 3 นายประกรรษวัต คณะพันธ์ จำเลยที่ 4 โดยจำเลยทั้ง 4 รายได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

พนักงานอัยการจังหวัดกันทรลักษ์ ได้คัดค้านการประกันตัวจำเลยที่ 1 คือ “ผู้กองเหน่ง” ซึ่งศาลจังหวัดกันทรลักษ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือ “ผู้กองเหน่ง” ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดกันทรลักษ์

ส่วนจำเลยที่ 2-4 ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เนื่องจากมีข้อหาร่วมกันลักทรัพย์และรับของโจร ร่วมกันเอาเสียเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ร่วมกันปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม


นายศักดา คล้ายร่มไทร อัยการจังหวัดกันทรลักษ์ ในขณะนั้นเปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อหากับ ร.อ.ศุภชัย จำนวน 11 ข้อหา รวม 13 กระทง ข้อหาหนักที่สุดคือ ข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวผู้อื่นอันเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ลอบฝังซ่อนเร้นอำพรางศพเพื่อปิดบังการตาย หรือเหตุแห่งการตาย มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ซึ่งมั่นใจว่าพยานหลักฐานต่าง ๆ มีความครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถเอาผิดกับผู้ต้องหาได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาลจังหวัดกันทรลักษ์

ถึงแม้คดีนี้พนักงานสอบสวนจะไม่มีประจักษ์พยาน แต่จากพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมามีครบถ้วน เช่น พยานทางโทรศัพท์ การติดต่อทางโทรศัพท์ พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ รวมทั้งหลักฐานการโอนเงินต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลักฐานทางโทรศัพท์ที่ชี้ชัดว่า “ผอ.อ้อย” และผู้ต้องหาไปด้วยกันตลอดในวันที่ “ผอ.อ้อย” หายตัวไป

หายตัว 1 ปี 8 เดือน ศาลตัดสิน 14 มี.ค.
ประหารชีวิตสถานเดียว

ทั้งนี้ ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ได้ไต่สวนสืบพยานมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ร.อ.ศุภชัย ได้ตั้งทนายความต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน และนางแหลม อุ่นอ่อน พ่อและแม่ของ ผอ.อ้อย รวมทั้งญาติพี่น้องได้มาติดตามคดีที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ทุกครั้งที่ศาลมีการนัดสืบพยานทั้งสองฝ่าย


หลังจากศาลจังหวัดกันทรลักษ์ได้มีการสืบพยานทั้งสองฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว ได้นัดอ่านคำพิพากษาในวันที่ 14 มี.ค. 2562 เวลา 09.00 น. ที่ ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ

นายบุญเลิศ พ่อของ “ผอ.อ้อย” บอกว่า เชื่อมั่นว่าวิญญาณของ “ผอ.อ้อย” ลูกสาวจะได้รับความเป็นธรรม เพราะมั่นใจพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีนั้นมัดแน่นมาก ทั้งพยานบุคคล พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ เอกสารหลักฐานต่างๆ ซึ่งต้องขอขอบคุณอัยการจังหวัดกันทรลักษ์และพนักงานสอบสวน ที่รวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดรอบคอบเต็มที่

หากผลการพิพากษาออกมาแล้วเห็นว่าวิญญาณของ ผอ.อ้อย ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะดำเนินการอุทธรณ์เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับวิญญาณของลูกสาวจนถึงที่สุด

ในที่สุดศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิต ร.อ.ศุภชัย หรือผู้กองเหน่ง สถานเดียว และสั่งจ่ายค่าเสียหาย 2,760,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี เนื่องจากมีพยานหลักฐานแน่นหนาว่าเป็นผู้สังหารผู้ตายแล้วนำศพไปทิ้งในป่าชายแดน ที่ จ. อุบลราชธานี จริง ส่วนจำเลยที่ 2-4 ให้ยกฟ้อง














กำลังโหลดความคิดเห็น