xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กโจ๊ก” ส่งทีมไกล่เกลี่ยลุยช่วยเหยื่อ 190 ราย ถูกเต็นท์รถรายใหญ่บุรีรัมย์ฉ้อโกงสารพัด ยึด 200 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บุรีรัมย์ - “บิ๊กโจ๊ก”ส่งทีมลง อ.สตึก บุรีรัมย์ เจรจาไกล่เกลี่ยช่วยเหยื่อกว่า 190 ราย ที่เข้าแจ้งความถูกเต็นท์รถรายใหญ่ฉ้อโกงสารพัด สูญทั้งรถ เงิน แถมไฟแนนซ์ฟ้องยึดบ้าน ด้านเจ้าของเต็นท์ถูกจับยึดทรัพย์กว่า 200 ล้าน อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี

วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และในฐานะเลขานุการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) ได้ส่งชุดเฉพาะกิจฯ สนธิกำลังกับหลายฝ่าย นำหมายศาลเข้าตรวจค้นและจับกุมเต็นท์รถรายใหญ่แห่งหนึ่งใน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา

ภายหลังประชาชนจำนวนมากเข้าร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ว่าถูกเต็นท์รถดังกล่าวหลอกลวงฉ้อโกงในหลายรูปแบบ จนทำให้สูญทั้งรถ ทั้งเงิน แถมยังถูกบริษัทไฟแนนซ์ฟ้องร้องยึดบ้าน ยึดรถ เดือดร้อนมานานหลายปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมเจ้าของเต็นท์รถ พร้อมพวกที่ร่วมกันฉ้อโกงรวม 4 คน ยึดอายัดรถไว้ตรวจสอบกว่า 200 คัน และยึดทรัพย์ที่ได้จากการฉ้อโกงประชาชนกว่า 200 ล้านบาทนั้น


ล่าสุด พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ทำการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างเจ้าของเต็นท์พร้อมพวกที่ถูกจับกุมซึ่งอยู่ระหว่างการประกันตัวสู้คดี และผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อเป็นการบรรเทาเยียวยาความเดือดร้อน

พ.ต.ท.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผกก.(สอบสวน) ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การเจรจาไกล่เกลี่ยครั้งนี้ สืบเนื่องจากได้มีชาวบ้านไปร้องเรียนกับ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล เลขานุการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ว่าถูกเต็นท์ดังกล่าวฉ้อโกงโดยอาศัยช่องทางความไม่รู้กฎหมายของชาวบ้าน เป็นเหตุให้ทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวล้วนเป็นการฉ้อโกงทั้งสิ้น ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นจับกุมทางผู้ต้องสำนึกผิประสงค์ที่จะเยียวยาผู้เสียหาย จึงได้นัดมาเจรจาไกล่เกลี่ยกันเพื่อให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม รวมถึงผู้ต้องหาด้วยเช่นกัน


ดังนั้น ทางศูนย์ฯ จึงได้มาทำหน้าที่เป็นคนกลาง เพราะหากรอกระบวนการยุติธรรมก็อาจจะใช้เวลานาน ซึ่งผู้เสียหายบางคนต้องการได้รับการบรรเทาความเสียหายโดยเร็ว

จากการเจรจาไกล่เกลี่ยในวันแรกประมาณ 50 รายส่วนใหญ่ได้ข้อยุติ ซึ่งผู้ต้องหาพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้แต่บางรายมีการเรียกร้องเกินกว่าความเป็นจริง แต่เมื่อพูดคุยเจรจากันได้ข้อยุติตามความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย อาทิ ยอมคืนรถให้, ไปปิดค่างวดรถที่ค้าง, ชดใช้ค่าเสียหายกรณีที่ไม่ได้ใช้รถ ซึ่งจะมีการทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย ขณะที่บางรายยังไม่ได้ข้อยุติยังขอเวลาตัดสินใจ แต่บางรายยืนยันให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังการเจรจาไกล่เกลี่ยแล้วจะมีการรวบรวมบันทึกการชดใช้ค่าเสียหายประกอบสำนวนการสอบสวนเพื่อเป็นเหตุบรรเทาโทษ คาดว่าจะสรุปสำนวนส่งอัยการได้เร็วๆ นี้

สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ที่ถูกจับกุมถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด, จัดหามาซึ่งเงินทุนให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินโดยประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ปลอมและใช้เอกสารปลอมกรณีมีหลักฐาน” ขณะนี้อยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดีตามกระบวนการ






กำลังโหลดความคิดเห็น