พิษณุโลก - พ่อเมืองสองแคว..ผวาหนัก ชิงตัดหน้าประกาศสั่งยุติโครงการตัดถนนผ่านสวนสาธารณะกลางเมือง ก่อนถึงวันคนพิษณุโลกนัดรวมตัวฟ้องศาลปกครองพรุ่งนี้
นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก, พ.อ.นพดล รอดกลาง รองผอ.กอ.รมน.พิษณุโลก และนายนรินทร์ กวางทอง โยธาธิการและผังเมือง จ.พิษณุโลก ได้เดินทางไปที่สวนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ หรือสวนกลางเมืองเรือนแพ เมื่อเย็นวานนี้ (10 มี.ค.) เพื่อชี้แจงโครงการสร้างถนนสาย ฉ.1 ตัดผ่านภายในสวน
ผู้ว่าฯ พิษณุโลกยืนยันว่า ตนสั่งยุติถนนเลาะรั้วสวนเฉลิมพระเกียรติฯ แล้ว ยืนยันว่าหากประชาชนไม่เอาก็ล้มเลิก ถ้าประชาชนเห็นด้วยก็พร้อมจะทำต่อทันทีที่ได้รับการสนับสนุนเห็นชอบจากพี่น้องชาวพิษณุโลก เพราะที่ผ่านมายังมีเสียงคัดค้าน
สำหรับการพัฒนาถนนสาย ฉ 1 เพื่อไปเชื่อมต่อกับทางหลวงหมายเลข 12 แนวถนนเดิมตามกฎหมายผังเมืองรวม จ.พิษณุโลก จะตัดผ่านจากด้านหลังสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ไปบรรจบที่สามแยกเรือนแพ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่สวนค่อนข้างมาก โยธาธิการและผังเมือง จ.พิษณุโลกจึงได้ออกแบบแนวถนนใหม่ เพื่อลดผลกระทบต่อสวนฯ โดยจะเป็นถนนที่มีความกว้างเล็กลง และตัดในแนวขอบที่ดินของสวนเฉลิมพระเกียรติฯ แต่เมื่อคนพิษณุโลกไม่เห็นด้วยก็ยุติ เพราะจะทำให้พื้นที่สวนฯ ซึ่งเป็นปอดเมืองคนพิษณุโลกถูกเฉือนหายไป
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการออกมาประกาศสั่งยุติโครงการตัดถนนของผู้ว่าฯ พิษณุโลกครั้งนี้มีขึ้นก่อนถึงกำหนดนัดหมายเชิญชวนชาวพิษณโลกให้ร่วมเดินทางเข้ายื่นฟ้องต่อศาลปกครอง จ.พิษณุโลกในวันพรุ่งนี้ (12 มี.ค.) ซึ่งมีการนำป้ายประกาศนัดหมายมาติดไว้ภายในสวนฯ ว่า “เชิญชาวพิษณุโลกสามารถเดินทางไปกับรถยนต์เพื่อยื่นฟ้องร้องต่อศาลปกครองพิษณุโลก กำหนดเวลารถออก 08.00 น.ของวันที่ 12 มี.ค. 62 ที่ศาลปกครองฯ ถ.พิษณุโลก-นครสวรรค์ ต.ท่าทอง อ.เมืองพิษณุโลก คาดถึงศาลปกครองฯ เวลา 10.00 น. เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ระงับการก่อสร้างถนนดังกล่าวและเพิกถอนการใช้อำนาจของผู้ว่าฯ ต่อไป นอกจากนี้ยังจะไปร้อง ป.ป.ช.เอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย
อนึ่ง ช่วงที่ผ่านมา นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่ถือเป็นแกนนำคนรักษ์สุขภาพชาวพิษณุโลก ต่อต้านถนน ฉ.1 ออกมาประกาศเตรียมฟ้องเอาผิดผู้ว่าฯ พิษณุโลก ฐานใช้อำนาจผนวกเอาสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ ร.๙ บริเวณสามแยกเรือนแพ และเป็นส่วนหนึ่งของโครงการจัดรูปที่ดินเพื่อพัฒนาพื้นที่หนองตาเหี่ยน โดยไม่มีการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังเสียงของประชาชนเสียก่อน ทั้งๆ ที่สวนสาธารณะดังกล่าวคนรักษ์สุขภาพชาวพิษณุโลกใช้ประโยชน์ในการออกกำลังกาย
