แพร่ – กระแสเลือกตั้งแพร่ หลังไทยรักษาชาติ โดนยุบ-2 ผู้สมัครเต็งจ๋าทั้ง “หมอทศ-วรวัจน์” หลุดวงโคจร..คอการเมืองจับตา ปชป.-พปชร. จ่อเข้าป้ายแทน ขณะที่ “เพื่อชาติ-อนาคตใหม่” รอคะแนนส้มหล่นจาก ทษช.
เลือกตั้ง 62 สนามเมืองแพร่ 2 เขต..คอการเมืองสภากาแฟ ล้วนฟันธงตั้งแต่ยกแรกให้ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ และนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล อดีต ส.ส.หลายสมัย ตั้งแต่ยุคไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย ที่เที่ยวนี้สวมเสื้อ ทษช.-ไทยรักษาชาติ ลงสมัครรับเลือกตั้ง
แต่เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินยุบพรรค ทษช.7 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ นพ.ทศพร-นายวรวัจน์ ที่ได้หมายเลข 10 สิ้นสภาพการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ทันที ซึ่งส่งผลสะเทือนต่อการเลือกตั้งเมืองแพร่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเช่นกัน
จากเดิมที่มีการฟันธงว่าที่ ส.ส.แพร่ เที่ยวนี้หนีไม่พ้น นพ.ทศพร และนายวรวัจน์ (ทษช.) ก็กลายเป็นสนามเลือกตั้งที่น่าจับตามองว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาแบบไหน-ใครจะขึ้นมาเป็น ส.ส.แพร่ เพราะผู้สมัคร ส.ส.ที่เหลือ ล้วนเป็นหน้าใหม่ในเวทีการเมืองระดับชาติทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้อาจเป็นสาเหตุให้หัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่หลายคน ต่างวงโปรแกรมลุยหาเสียงช่วยผู้สมัครในสังกัดต่อเนื่อง เช่น 7 มีนาฯ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ลงพื้นที่ปราศรัยใหญ่ , 8 มีนาฯ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เดินทางไปปราศรัยใหญ่ที่เชียงใหม่ ไม่วายต้องแวะหาเสียงเมืองแพร่ ช่วย 2 ผู้สมัครคือ นายเอกการ ซื่อทรงธรรม เขต 1 -นายกฤติดนัย สันแก้ว เขต 2
เพราะเป็นที่ทราบดีว่า ผู้สมัครที่ถูกตัดสิทธิ์ ไปในจังหวัดแพร่ เป็นพรรคการเมืองในเครือข่ายของ “พรรคตระกูลเพื่อ” เมื่อถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ หลายสมัย ที่ครั้งนี้ขยับมาอยู่พรรคไทยรักษาชาติ มีฐานคะแนนจัดตั้งได้ถึง 70,000 คะแนน จาก 3 เขตเลือกตั้งเดิม แต่ครั้งนี้แพร่เหลือ 2 เขตเลือกตั้ง ซึ่งหมอทศพร เชื่อว่าตนจะได้คะแนนกว่า 100,000 คะแนน เมื่อเขาหมดสิทธิ์ลงเลือกตั้งคะแนนเหล่านี้จะไปเทให้ใคร
โดยหมอทศ บอกว่าในภาพรวมทั้งประเทศ คะแนนของผู้สมัครพรรคไทยรักษาชาติ จะเทคืนให้พรรคเดิมคือ พรรคเพื่อไทย และพรรคฝ่ายประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ แต่ในจังหวัดแพร่ มีพรรคตระกูลเพื่อ อยู่อีกเพียงพรรคเดียวคือ “พรรคเพื่อชาติ” ซึ่งมีนายธนกฤต ตุ้ยดี ลงสมัครเขต 1 และนายทักษิณ ฝากมิตร เขต 2 ในจำนวน 100,000 คะแนน จะมีคะแนนสวิงไปบ้าง ก็จะเป็นพรรคการเมืองในซีกประชาธิปไตย เช่น พรรคอนาคตใหม่ เป็นต้น
ขณะที่เฟซบุ๊กของนายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ก็ออกมารณรงค์ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งและแฟนคลับนักการเมืองที่ถูกยุบพรรครวมกันเลือกเบอร์ 10 (ผู้สมัคร ทษช.แพร่) เพื่อให้เห็นถึงพลังสู้กับเผด็จการ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั่น ทุกคะแนนของพรรคไทยรักษาชาติ จะกลายเป็นบัตรเสียทันที
อย่างไรก็ตาม หลัง 2 ตัวเต็งหลุดขอบสนามไปแล้ว..โค้งนี้คอการเมืองต่างพากันจับตาไปที่สองผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ คือ นางธนินทร์จิตรา ศุภศิริ หรือแม่เลี้ยงต้อย พี่สะใภ้แม่เลี้ยงติ๊ก-นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ที่ลงสมัครเขต 1 และนายคณาธิป มุดเจริญ ผู้สมัครหน้าใหม่ของ ปชป.แพร่ เขต 2
ขณะที่ค่าย พปชร.-พลังประชารัฐ ที่ได้ตัว 2 ผู้สมัครในเครือข่าย อบจ.แพร่ คือ ดาบตำรวจบุหลัน ราษฎร์คำพรรณ เขต 1 และนายวิตติ แสงสุพรรณ เขต 2 ก็น่าจับตาเช่นกัน เพราะได้ทั้งแรงหนุนเสริมจากนโยบาย และนายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่
ส่วนพรรคเพื่อชาติ มีรายงานว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัช เดินทางมาประชุมลับ เพื่อกำกับ กำชับ วางแผนการหาเสียงด้วยตัวเองตั้งแต่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุเพียงว่า เริ่มให้ความสำคัญกับผู้สมัครและพรรคเพื่อชาติมากขึ้นโดยเฉพาะในจังหวัดที่ไม่มีพรรคเพื่อไทย เช่น จังหวัดแพร่
ด้านนางชรินทิพย์ ไชยโย ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ในจังหวัดแพร่มีผู้สมัครเหลืออยู่ เขต 1 เหลืออยู่ 26 คน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 197,005 คน เขต 2 เหลือ 23 คน ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 177,720 คน ซึ่งจากการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าและใช้สิทธิ์นอกเขต รวมทั้งการตื่นตัวของประชาชน เชื่อว่าจังหวัดแพร่จะมีผู้มาใช้สิทธิ์จำนวนมาก น่าจะไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 อย่างแน่นอน
