บุรีรัมย์ - ครูเพลงชื่อดังบุรีรัมย์นำชาวบ้านร้องตรวจสอบ ผญบ.ส่อทุจริต “ร้านค้าชุมชน” ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาล 7 แสน ตั้งเมียเป็นผู้จัดการร้านดูแลบัญชี เก็บเงินซื้อของเอง ไม่ชี้แจงรายรับ-จ่ายให้ กก.และชาวบ้านรู้ สุดท้ายปิดทิ้งร้าง
วันนี้ (7 มี.ค.) นายสัญญารักษ์ ดอนศรีฐิติโชติ ครูเพลงชื่อดัง พร้อมตัวแทนชาวบ้านบ้านทุ่งสว่าง หมู่ 7 ต.สี่เหลี่ยม อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้ร่วมกันออกมาเรียกร้องให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน โดยกล่าวหาผู้ใหญ่บ้านมีพฤติกรรมส่อทุจริตโครงการร้านค้าชุมชนตามนโยบายของรัฐบาลที่มีเป้าหมายเพื่อให้เป็นแหล่งซื้อขายสินค้าในชุมชน ยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งและพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเมื่อปี 2559 จำนวน 500,000 บาท เป็นทุนในการดำเนินการทั้งก่อสร้างอาคาร และซื้อสินค้ามาจำหน่ายภายในร้านค้าชุมชนดังกล่าว อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บเงินจากชาวบ้านที่สมัครเป็นสมาชิกกว่า 100 คน คนละ 200 บาท ต่อมายังได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลเพื่อมาต่อยอดในโครงการดังกล่าวอีก 200,000 บาท
แต่หลังจากเปิดดำเนินการผู้ใหญ่บ้านได้แต่งตั้งภรรยาตัวเองเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้จัดการร้านค้าชุมชน ดูแลบัญชี เก็บเงิน ซื้อหรือสั่งสินค้ามาขายเอง โดยไม่มีการเปิดเผยรายรับ-รายจ่าย ผลกำไร ขาดทุนหรือเบี้ยปันผลให้คณะกรรมการที่แต่งตั้งไว้และชาวบ้านที่เป็นสมาชิกได้รับทราบตามระเบียบและข้อตกลงของประชาคมหมู่บ้านแต่อย่างใด รับรู้กันเพียงผู้ใหญ่บ้านกับภรรยาเท่านั้น เมื่อกรรมการและชาวบ้านไปสอบถามผู้ใหญ่บ้านให้ชี้แจงบัญชีให้รับทราบ แต่กลับไม่มีการชี้แจงทั้งยังแสดงความไม่พอใจพร้อมท้าทายว่าถ้าหากใครเก่งให้มาทำเอง กระทั่งเมื่อเดือน ต.ค. 2561 ร้านค้าชุมชนดังกล่าวก็ถูกปิดทิ้งร้าง
นายสัญญารักษ์ ดอนศรีฐิติโชติ ครูเพลงชื่อดัง ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว บอกว่า จากพฤติกรรมของผู้ใหญ่บ้านส่อให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการโครงการร้านค้าชุมชน เพราะนอกจากจะแต่งตั้งภรรยามาดูแลจัดการบัญชีเองแล้ว ยังไม่มีการชี้แจงรายรับ-รายจ่าย ผลกำไร ขาดทุนในการดำเนินการร้านค้าชุมชนให้กรรมการหรือสมาชิกรับทราบ จนล่าสุดปล่อยให้ร้านค้าชุมชนดังกล่าวต้องปิดตัวทิ้งร้าง ซึ่งที่ผ่านมาเคยร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริง จากนั้นได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอประโคนชัยเข้ามาเจรจาไกล่เกลี่ยพร้อมให้ผู้ใหญ่บ้านออกมาชี้แจง อ้างว่ามีเงินเหลืออยู่ประมาณ 230,000 บาท แต่กลับไม่นำบัญชีออกมาเปิดเผยให้ดูจึงไม่รู้ว่ายังเหลือเงินในบัญชีจริงหรือไม่ หลังจากนั้นเงียบหายไป
จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าผู้ใหญ่บ้านบริหารงานไม่โปร่งจริงให้ดำเนินการลงโทษตามระเบียบและกฎหมาย เพราะนอกจากจะทำให้ชาวบ้านไม่ได้รับประโยชน์จากโครงการของรัฐแล้ว ยังทำให้สูญเสียงบประมาณแผ่นดินอีกด้วย
ด้าน นายทองคำ ยอดกุล ตัวแทนชาวบ้านรายหนึ่ง บอกว่า หลังจากเปิดดำเนินการร้านค้าชุมชนดังกล่าว ปีแรกไม่พบปัญหาหรือความผิดปกติอะไร และสิ้นปีชาวบ้านที่สมัครเป็นสมาชิกก็ได้รับเงินปันผลเฉลี่ยคนละประมาณ 150 บาท แต่ผู้ใหญ่บ้านไม่เคยเปิดเผยรายรับ-รายจ่าย ผลกำไร ให้กรรมการฯ หรือชาวบ้านรับทราบเลย กระทั่งล่าสุดก็ปิดทิ้งร้างไป จึงอยากให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบว่าผู้ใหญ่บ้านบริหารจัดการไม่โปร่งใสจริงก็ให้ดำเนินการเอาผิดตามระเบียบและกฎหมาย
จากการติดต่อสอบถามผู้ใหญ่บ้านที่ถูกกล่าวหาทางโทรศัพท์ให้ข้อมูลว่ายังไม่พร้อมที่จะชี้แจง แต่ได้ให้ข้อมูลแก่ทางอำเภอ และเจ้าหน้าที่ที่ลงมาตรวจสอบแล้ว พร้อมยืนยันว่าไม่ได้ทุจริตตามที่ถูกกล่าวหา และได้ดำเนินการทุกขั้นตอนถูกต้องตามระเบียบและมติของประชาคมหมู่บ้าน ซึ่งขณะนี้รอให้ทางอำเภอเข้ามาพูดคุยและหาทางออกร่วมกันอีกครั้ง