ย้ายจุดทำฝนหลวงไปอุดรฯ-บุรีรัมย์ มุ่งแก้ปัญหาภัยแล้งเติมน้ำเขื่อนใหญ่

ศูนย์ข่าวขอนแก่น-ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปรับแผนทำฝนหลวง ย้ายฐานไปจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดบุรีรัมย์ หวังปฏิบัติการเติมน้ำเข้าเขื่อนหลัก ขณะที่ผลการทำฝนหลวงสามารถลดฝุ่นจิ๋วในอากาศลงได้

วันนี้ (4มี.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการทำฝนหลวง โดยนำสารเคมีการทำฝนหลวงขึ้นเครื่องบินกาซ่า เพื่อนำไปโปรยทำฝนหลวง หลังมีหลายพื้นที่กำลังได้ผลกระทบจากการขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะการเติมน้ำให้เขื่อนอุบลรัตน์ ที่ขณะนี้มีปริมาณกักเก็บเหลือเพียง 684 ล้านลูกบาศก์เมเตร หรือคิดเป็นร้อยละ 28 ของความจุอ่าง มีน้ำใช้การได้เพียง 103 ล้านลูกบาศก์เมตร จึงต้องทำฝนหลวงเติมน้ำ บรรเทาความเดือดร้อนด้านการอุปโภคและบริโภค

นางสาววาสนา วงษ์รัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่าขณะนี้ทางศูนย์ได้เริ่มภารกิจทำฝนหลวงแล้วเมื่อวันที่ 1มี.ค.62 เป็นต้นมา โดยเน้นเติมน้ำเข้าในเขื่อนหลักและพื้นที่ขาดแคลนน้ำอุปโภคและบริโภค รวมทั้งพื้นที่ทางการเกษตร ขณะนี้กำลังประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ โดยวันที่ 6มี.ค.62 ได้ตั้งฐานที่จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดบุรีรัมย์

ฐานจังหวัดอุดรธานีจะดูแลพื้นที่ภาคอีสานตอนบน โดยใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศ ส่วนฐานปฏิบัติการที่จังหวัดบุรีรัมย์ ใช้เครื่องบินคาราแวนจากรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อทำฝนหลวงในพื้นที่อีสานตอนล่าง ขณะนี้แผนการทำฝนหลวงได้เน้นเติมน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เนื่องจากมีปริมาณกักเก็บเหลือน้อย จึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาเป็นการเร่งด่วน


ทั้งนี้ผลการทำฝนหลวง สามารถลดปริมาณค่าฝุ่นละอองในอากาศ หลังจากที่ได้มาเปิดฐานปฏิบัติการเฉพาะกิจนั้น สามารถช่วยแก้ปัญหาลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศได้ เนื่องจากเมื่อฝนตกมีการไหลเปลี่ยนของสภาพอากาศ จึงทำให้ขณะนี้ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในอากาศของจังหวัดขอนแก่น วัดได้ 51 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เป็นค่าที่ลดลงต่อเนื่อง แม้ว่าจะอยู่ในเกณฑ์สีส้มหรือเริ่มมีผลกระทบต่อร่างกาย ซึ่งขณะนี้มีกระแสลมที่พัดผ่านจังหวัดขอนแก่น จึงทำให้ปริมาณฝุ่นละอองในอากาศลดลงเช่นกัน