เพชรบูรณ์ - สุดสะเทือนใจ จนท.สนธิกำลังบุกจับขบวนการค้าสัตว์ป่าเพชรบูรณ์ รวบ 4 ผู้ต้องหาถลกหนัง สับเนื้อเก้ง ไก่ อีเห็น กระรอกนับร้อยตัวยัดถังน้ำแข็ง กล่องโฟม กลางตลาดราชพัสดุหล่มสัก พร้อมเร่งล่าเครือข่ายต่อ
หลังจาก นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งการให้นายศักดิ์ชัย จงกิจวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันปราบปราม และควบคุมไฟป่า หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อำนวยการบังคับใช้กฎหมายต่อกลุ่มขบวนการลักลอบล่าสัตว์ป่า ในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นขบวนการใหญ่
ต่อมา ได้มีการประสานงานร่วมกับนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการ ศปป.4 กอ.รมน. และนายชัยชาญ ศรียงค์ ผอ.ศปป.3 นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดพญาเสือ เจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 3 ภาคเหนือ เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาค้อ ตำรวจ สภ.หล่มสัก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบ คืนที่ผ่านมา (1 มี.ค.)
เมื่อเจ้าหน้าที่ปูพรมบุกตลาดราชพัสดุ ต.วัดป่า อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ พบรถยนต์เป้าหมายต้องสงสัย จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมของกลางไก่ป่า 26 ตัว กระรอก 62 ตัว อีเห็น 2 ตัว 80 ชิ้น อ้น 2 ตัว ตุ่น 25 ตัว หนังเก้ง 10 ชิ้น กบทูด ประมาณ 10 กิโลกรัม อุปกรณ์ของกลาง ถังแช่น้ำแข็ง 3 ถัง กล่องโฟม 3 กล่อง กะละมัง 3 ใบ รถยนต์ จำนวน 4 คัน นอกจากนี้ พบชิ้นเนื้อบรรจุในถุง ตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าน่าจะเป็นเนื้อเก้ง เนื่องจากพบเศษเส้นขนติดเนื้ออยู่
เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดในที่เกิดเหตุเป็นชาวเพชรบูรณ์ ได้ 4 คน แต่ทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ อ้างว่ารับซื้อมาจากชาวบ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึก และดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ นำส่ง สภ.หล่มเก่า เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
สำหรับซากสัตว์ป่าที่ตรวจยึดได้ เจ้าหน้าที่จะส่งไปยังหน่วยนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากสัตว์ป่าที่ยึดได้ถูกชำแหละ จึงไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ใด
ขณะที่ นายศักดิชัย จงกิจวิวัฒน์ ผอ.สปฟ.(อส.)ได้สั่งการให้มีการขยายผลผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งขบวนการ ซึ่งขณะนี้ฝ่ายความมั่นคงพบข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว โดยจะมีการบูรณาการกำลังร่วมกับชุดปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) ร่วมปราบปรามอย่างต่อเนื่อง
