พิษณุโลก - รองเสนาธิการ มทบ.39 ขึ้นโรงพักกองเมืองพิษณุโลก แจ้งลงบันทึกประจำวัน ชี้ “นคร มาฉิม-ผู้สมัครเขต 5 พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย” โพสต์เฟซฯ บิดเบือน กล่าวหาทหารส่งรถประกบข่มขู่-ประสงค์ร้ายผู้สมัครฯ ระหว่างหาเสียง
วันนี้ (28 ก.พ.) พ.อ.นพดล วัชรจิตบวร รองเสนาธิการ มณฑลทหารบกที่ 39 พร้อมเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายกฎหมาย ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.พิเชษฐ์ ปันกาวี รอง ผกก.สอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก และนำหลักฐานแจ้งลงบันทึกประจำวัน ว่ามีการโพสต์ข้อมูลบิดเบือนจากข้อเท็จจริงเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดความเสียหาย
พ.อ.นพดลเปิดเผยว่า นายนคร มาฉิม (นายนคร มาฉิม ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย) ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา พาดพิงรถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน กต 3323 เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นของ ร.ท.ทวีศักดิ์ ดีสะท้าน เจ้าหน้าที่ทหาร สังกัดกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.พิษณุโลก
โดยระบุทำนองว่า “วันดังกล่าว (22 ก.พ.) เวลาประมาณ 19.00-20.00 นาฬิกา ในขณะที่กำลังปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งในพื้นที่บ้านน้ำทวน ต.นาบัว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก ได้มีรถยนต์คันข้างต้นมาจอดประกบ ซึ่งทีมงานของนายนครได้ถ่ายรูปไว้ และได้ให้ผู้อยู่ในรถยนต์ลงจากรถ แต่ผู้อยู่ในรถยนต์ไม่ยอมลงจากรถเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ และรีบขับรถหลบออกจากที่จอดรถไป..” พร้อมกล่าวอ้างว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคาม ข่มขู่ กดดัน หรือประสงค์ร้ายต่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
แต่เมื่อ มทบ.39 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วมีพยานหลักฐานน่าเชื่อถือยืนยันได้ว่าในวัน-เวลาดังกล่าว รถยนต์เก๋งของ ร.ท.ทวีศักดิ์ ดีสะท้าน และตัวผู้ถูกพาดพิงถึงนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแต่อย่างใด จึงให้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หากหน่วยงาน หรือ ร.ท.ทวีศักดิ์ได้รับความเสียหายจากการกระทำดังกล่าว ก็จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
พ.อ.นพดลกล่าวว่า กรณีดังกล่าว ทางมณฑลทหารบกที่ 39 กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดพิษณุโลกใคร่ขอให้ประชาชน ซึ่งติดตามสื่อจากแหล่งต่างๆ ใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสาร อีกทั้งผู้ซึ่งนำเสนอ หรือนำเข้าซึ่งข้อความใดๆ ควรใช้ความระมัดระวังในการกระทำ เพื่อมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเดือดร้อนเสียหาย อันอาจทำให้การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
และในกรณีที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดได้รับความเสียหาย หรือกล่าวอ้างว่าได้รับความเสียหายจากการกระทำของหน่วยงานของรัฐ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นช่องทางที่ถูกต้องและเหมาะสมได้ด้วย
