ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หมอกควันหนักจริง! สาวเจ้าของร้านเครื่องมืออุปกรณ์เกษตรควักเงินขึ้นป้ายใหญ่หราตึกสูง 5 ชั้นกลางแยกข่วงสิงห์ เรียกร้องแทนคนเชียงใหม่ “เราต้องการ...อากาศบริสุทธิ์” จุดประกายทุกภาคส่วนป้องกันแก้ไขปัญหา
จากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันและค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กสูงเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และหลายจังหวัดภาคเหนือตอนบน จนมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเสี่ยงทั้งเด็ก คนชรา และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ขณะนี้หลายหน่วยงานต่างระดมความร่วมมือเพื่อพยายามแก้ไขปัญหา รวมทั้งรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนตระหนักและตื่นตัวในการป้องกันแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ ล่าสุดพบว่าบริเวณสี่แยกข่วงสิงห์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ มีผู้ติดตั้งป้ายขนาดใหญ่บนอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 5 ชั้น ที่ตั้งอยู่ริมถนนซูเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง ขาเข้าตัวเมืองเชียงใหม่ ที่เขียนข้อความว่า “เราต้องการ...อากาศบริสุทธิ์” ซึ่งสร้างความสนใจให้แก่ผู้ที่ขับรถผ่านไปมาและพบเห็นเป็นอย่างมาก เพราะเสมือนเป็นปากเสียงแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองเชียงใหม่ และต่างกำลังเผชิญสถานการณ์ปัญหาอยู่ตลอดเวลา
วันนี้ (28 ก.พ.) จากการตรวจสอบพบว่าป้ายดังกล่าวนั้น นางสาวตวันนา ลิมปิผลไพบูลย์ อายุ 48 ปี เจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องมืออุปกรณ์การเกษตรแห่งหนึ่งย่านสี่แยกข่วงสิงห์ เป็นผู้ติดตั้ง ซึ่งเปิดเผยว่าเพิ่งติดตั้งป้ายดังกล่าวได้ประมาณ 1 สัปดาห์ โดยจ้างช่างจัดทำป้ายดังกล่าวที่มีขนาด 6x26 เมตร พร้อมติดตั้งในราคา 10,000 บาท นำมาติดตั้งด้านข้างของอาคารพาณิชย์ที่เป็นครอบครัว
ทั้งนี้ เนื่องจากต้องการสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ของปัญหามลภาวะอากาศของจังหวัดเชียงใหม่ และวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เพราะนับสิบปีแล้วที่คนเชียงใหม่ต้องเผชิญปัญหานี้ปีละ 4-5 เดือน รวมทั้งหวังเป็นการจุดประกายให้ประชาชนทุกคนเกิดความตื่นตัวและตระหนักว่าปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อทุกคน แล้วร่วมกันป้องกันแก้ไขปัญหาตามกำลังความสามารถของแต่ละคน
ขณะเดียวกัน นางสาวตวันนาบอกว่า นอกจากการติดตั้งป้ายดังกล่าวแล้ว เนื่องจากครอบครัวเปิดร้านจำหน่ายเครื่องมืออุปกรณ์การเกษตร จึงทำการแจกหัวฉีดพ่นละอองน้ำหรือหัวหมอกให้แก่ลูกค้าหรือคนรู้จัก รวมทั้งคนที่ต้องการเพื่อนำไปติดตั้งตามบ้านเรือนหรือร้านของตัวเอง โดยให้นำต่อเข้ากับสายยางเพื่อฉีดพ่นละอองน้ำเพิ่มความชุ่มชื้นในอากาศและบรรเทาสถานการณ์ปัญหาให้เบาบางลง
การทำแบบนี้อาจจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ อย่างไรก็ตาม โดยมุมมองส่วนตัวแล้วเห็นว่ายังดีกว่าการอยู่นิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลย เพราะเชื่อว่าการฉีดพ่นละอองน้ำจะทำให้บริเวณดังกล่าวมีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้นและบรรเทาปัญหาลงอย่างน้อยก็บริเวณนั้นๆ ทั้งนี้ หากเป็นไปได้อยากเชิญชวนแต่ละบ้านหรือร้านต่างๆ ให้ช่วยกันฉีดพ่นละอองน้ำหรือรดน้ำต้นไม้โดยรอบพื้นที่ของตัวเองตามกำลังความสามารถด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือและป้องกันตัวเองในเบื้องต้น
