ศูนย์ข่าวศรีราชา - ปตท. เปิดบ้านเยี่ยมความคืบหน้าโครงการขยายท่าเทียบเรือและก่อสร้างถังเก็บผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมของคลังก๊าซเขาบ่อยา และโครงการวางท่อน้ำมันใต้ทะเลและวางท่อพาราไซลีนของคลังน้ำมันศรีราชา คืบหน้าแล้ว 40%
วันนี้ (25 ก.พ.) นายชัยยศ หงส์ขจร ผู้จัดการฝ่ายคลังปิโตรเลียมภาคตะวันออก บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จํากัด (มหาชน) เผยว่า ทาง ปตท.ได้จัดกิจกรรมเปิดบ้านเยี่ยมความคืบหน้าโครงการขยายท่าเทียบเรือและก่อสร้างถังเก็บผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมของคลังก๊าซเขาบ่อยา และโครงการวางท่อน้ำมันใต้ทะเลและวางท่อพาราไซลีนของคลังน้ำมันศรีราชา ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่เริ่มโครงการฯ และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 1 ของปี 2562 โดยมีผู้นำชุมชน ชุมชนรอบพื้นที่คลังน้ำมัน และเทศบาลนครแหลมฉบัง เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
ตามที่ บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) ได้ดำเนินโครงการขยายท่าเทียบเรือและก่อสร้างถังเก็บผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมของคลังก๊าซเขาบ่อยา และโครงการวางท่อน้ำมันใต้ทะเลและวางท่อพาราไซลีนของคลังน้ำมันศรีราชา ซึ่งได้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2559 ที่ผ่านมา และปัจจุบันได้มีโครงการวางท่อผลิตภัณฑ์ขนาด 20 นิ้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้วเสร็จประมาณเกือบ 40% โดย บริษัท ปตท.จํากัด (มหาชน) ได้ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานของโครงการฯ เพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน โดยปฏิบัติตามมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ระยะก่อสร้าง จนถึงระยะดำเนินการ
โดยในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการตามรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบของโครงการฯ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมทั้งในระยะก่อสร้าง และในระยะดำเนินการของโครงการฯ ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบและเสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานของโครงการฯ ตลอดจนรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อผลการดำเนินงานโครงการฯ เพื่อที่ ปตท. สามารถนำไปปรับปรุงการดำเนินงานอย่างเต็มกำลังความสามารถและเพื่อส่งเสริมให้การพัฒนาโครงการพลังงานสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน
นายชัยยศ กล่าวต่อไปว่า สำหรับข้อเสนอแนะของชาวบ้านที่เข้าเยี่ยมชมในครั้งนี้ ชุมชนมีความพอใจในขั้นตอนการดำเนินการที่ผ่านมา ไม่มีปัญหาและผลกระทบแต่อย่างใด นอกจากนั้น เป็นการสร้างความเจริญในพื้นที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ และทำให้ประชาชนมีงานทำด้วย