ลำปาง - สามีภรรยาชาวอุบลฯ จ่อร้องผู้การลำปาง ตามจี้คดีพบศพลูกชาย-สะใภ้ ถูกแขวนคอคาไร่มันสำปะหลัง ผ่านมาร่วมเดือนเรื่องไม่คืบ เชื่อถูกฆาตกรรมอำพราง ยันแพทย์เคยบอกเขาลูกมีรอยถูกตี-สะใภ้มีรอยโดนตบ
ความคืบหน้ากรณีพบศพนายจรัญฐาธีนากร วงผาบุตร อายุ 23 ปี และ น.ส.ทิพวรรณ สิมโสม อายุ 23 ปี ภรรยาชาวอุบลราชธานี ใช้เชือกเส้นเดียวกันผูกคอตายกับต้นไม้บริเวณไร่มันสำปะหลังแห่งหนึ่งข้างลำห้วยป่าดำ ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง เมื่อ 30 ม.ค. 62 ที่ผ่านมา ขณะที่พ่อและแม่ของผู้ตายไม่เชื่อว่าลูกชายกับลูกสะใภ้จะฆ่าตัวตายเอง และมองว่าถูกฆาตกรรมอำพรางนั้น
ล่าสุดวันนี้ (25 ก.พ.) นายสุริยา พุดตาน พ่อของผู้ตายเปิดเผยว่า เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ (24 ก.พ.) พนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร ได้ให้ตนเข้าไปพบและคืนโทรศัพท์ของผู้ตาย 2 เครื่องให้ เท่าที่ทราบมีเบอร์แปลกๆ โทร.เข้าเครื่องของลูกเมื่อช่วง 10 โมงกว่าๆ ของวันที่ 29 ม.ค. 62 ซึ่งเป็นวันที่เกิดเหตุ ประมาณ 3-4 สาย แต่เจ้าตัวไม่ได้รับ โดยเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวไม่ใช่เบอร์ญาติ
จากการสอบถามเรื่องคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกว่าต้องรออีก 2 เดือนจึงจะสามารถสรุปคดีได้เนื่องจากต้องรอผลจากกองพิสูจน์หลักฐาน ส่วนตัวมองว่าขณะนี้ลูกเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 1 เดือน แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า ทำให้คิดว่าลูกอาจจะตายฟรี จึงจะนำเรื่องเข้าพบกับ พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รรท.ผบก.ภ.จ.ลำปาง เพื่อขอความเป็นธรรมและเร่งรัดการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ด้วย
ทั้งนี้ นายุสริยา และนางเพชรา วงษ์ผาบุตร อายุ 47 ปี พ่อและแม่ของผู้ตายทั้งคู่ ได้เล่าว่าก่อนหน้านี้ตนและญาติได้นำธูปเทียนไปจุดบอกกล่าวลูกชายและลูกสะใภ้ที่ตรงที่ทั้งคู่ผูกคอตาย พร้อมบอกกล่าวให้วิญญาณหากไม่ได้รับความยุติธรรมให้ช่วยครอบครัวไขปริศนาหรือมาเข้าฝันเพื่อจะได้ติดตามสาเหตุการตายที่แท้จริง และเป็นเรื่องที่น่าแปลกเมื่อคืนวานนี้ (24 ก.พ.) เวลาประมาณ 3-4 ทุ่มได้ยินเสียงผู้หญิงร้องดังโหยหวนเหมือนคนร้องไห้อยู่รอบบ้าน กระทั่งเช้าก็มีตำรวจ สภ.เขลางค์นคร ได้โทร.มานัดให้ไปพบช่วงเย็นเพื่อฟังผลทางคดี จึงเชื่อว่าวิญญาณของลูกคงจะมาร้องขอความเป็นธรรมหลังคดีผ่านมาแล้วเกือบ 1 เดือน แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า
ทั้งนี้ ทางครอบครัวไม่เชื่อว่าทั้งคู่จะผูกคอตายเอง เนื่องจากไม่มีมูลเหตุจูงใจใดๆ ที่ทั้งคู่จะผูกคอตาย เพราะมันสำปะหลังก็กำลังจะขุดขาย ลูกก็ยังเล็ก อีกทั้งเงินค่าขายมันสำปะหลังประมาณ 4-5 หมื่นก็ยังหายไปด้วย และที่สำคัญคือสภาพศพของลูกชายขณะที่ไปพบ ปลายเท้าเกือบจะถึงพื้น แต่กลับไม่มีร่องรอยของการตะกุยตะกายของคนที่จะดิ้นก่อนที่จะเสียชีวิต
ประกอบกับที่ผ่านมาแพทย์เคยบอกว่าลูกชายมีร่องรอยถูกตีด้วยของแข็งอย่างแรงที่บริเวณเข่า และใบหน้าด้านขวาของฝ่ายหญิงมีรอยมือคล้ายถูกตบหน้าอย่างแรง จึงเชื่อว่าทั้งคู่อาจจะไปรู้เห็นอะไรบางอย่างจนนำมาซึ่งอันตรายต่อตัวเองจึงถูกฆ่าอำพราง และที่สำคัญที่กิ่งของต้นไม้ที่พบศพยังมีร่องรอยของการดึงเชือก คล้ายกับดึงฝ่ายหญิงแขวนคอก่อนแล้วก็แขวนคอลูกชายตามทีหลังด้วย
