ศูนย์ข่าวศรีราชา -ชาวบ้านใน จ.ชลบุรีและฉะเชิงเทรา กำลังเดือดร้อนอย่างหนักจากช้างป่าที่บุกเข้ากัดกินพืชไร่และข้าวเปลือกจนได้รับความเสียหาย ซ้ำยังต้องหวาดผวาหวั่นได้รับอันตราย วอนหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งหาทางช่วยเหลือ
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดของบ้านเลขที่ 56/2 ม.4 ต.เขาซก อ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ซึ่งอยู่ริมถนนคลองสิบแปด บึงสามง่าม โดยเป็นคลิปภาพช้างป่าขนาดใหญ่ที่บุกเข้ากินต้นอ้อยและดึงยอดหมากภายในบ้านหลังดังกล่าวจนล้ม ซึ่งภาพดังกล่าวได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้านในพื้นที่เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตรายจากช้างตัวดังกล่าวนั้น
ในวันนี้ ( 14 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุ เพื่อพบกับ นายรังสรรค์ แก้วประเสริฐ อายุ 34 ปี ครูโรงเรียนบ้านคลองสิบแปด ที่ได้ชี้ให้ดูร่องรอยการบุกพังประตูรั้วเหล็กเข้ามาทำลายและกัดกินพืชผลการเกษตรจนได้รับความเสียหาย ก่อนจะเดินหายไป โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น.ที่ผ่านมา ทำให้ตนเองและสมาชิกในครอบครัวพากันหวาดกลัว เนื่องจากเกรงว่าช้างตัวดังกล่าวจะย้อนเข้ากลับมาอีก
โดยในวันนี้ได้เข้าแจ้งต่อนายอำเภอหนองใหญ่ เพื่อหาแนวทางเฝ้าระวังไม่ให้ช้างตัวดังกล่าวบุกเข้าไปที่โรงเรียนบ้านคลองสิบแปด ที่อยู่ใกล้กันเนื่องจากในช่วงนี้จะมีนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาเข้าค่ายลูกเสือและเนตรนารี และต้องพักแรมในช่วงกลางคืนด้วย
ขณะที่ นายพิทักษ์ แพทย์ผล ศึกษานิเทศ สำนักเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 เผยว่าหลังทราบเรื่องได้จัดกำลังเฝ้าระวังช้างป่าภายในค่ายลูกเสือ -เนตรนารีที่มีนักเรียนจาก 4 โรงเรียน รวมเกือบ 400 คน เข้าค่าย พร้อมประสานไปยัง เจ้าหน้าที่หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน และเจ้าหน้าที่ อ.หนองใหญ่ เพื่อร่วมจัดชุดเฝ้าระวังตลอดทั้งคืนแล้ว
แปดริ้ว ก็มีช้างป่าเกเรบุกป่วนหมู่บ้านพร้อมเข้ารื้อยุ้งฉางเก็บข้าวกระจาย
ส่วนที่ จ.ฉะเชิงเทรา ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายเสียง จิตสาคร อายุ 67 ปี และนางฉลวย จิตสาคร อายุ 62 ปี ชาวบ้นใน ต.ท่าตะเกียบ อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ว่าในช่วงคืนที่ผ่านมาได้มีช้างป่าไม่ทราบจำนวนบุกเข้ารื้อยุ้งฉางเก็บข้าวปลูก และข้าวสำหรับเก็บไว้สีกินในครัวเรือนจนพังเสียหาย ซึ่งขณะเกิดเหตุคนในครอบครัวได้พากันเดินทางไปร่วมงานศพที่วัดในหมู่บ้านและไม่มีคนอยู่เฝ้า
โดยช้างป่าได้ใช้งวงรื้อค้นกระสอบข้าวออกมาเทหว่านเล่น จนเมล็ดข้าวเปลือกหอมมะลิพันธุ์ 105 กระจายทั่วลานบ้านและชายป่าสวนยางพารา จนทำให้พันธุ์ข้าวเปลือกได้รับความเสียหายกว่า 2 ตัน และยังเป็นข้าวที่จะต้องใช้สำหรับปลูกในฤดูกาลถัดไปในช่วงเดือน ส.ค.นี้อีกด้วย ครั้งแรกเมื่อกลับมาเห็นสภาพของบ้านและยุ้งฉางรู้สึกเหนื่อยล้า จนอยากจะร้องไห้ พูดอะไรไม่ออก เพราะตนทำนามาด้วยความเหนื่อยยาก
“ ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และถือเป็นความเดือดร้อนของชาวบ้านชาวใน อ.ท่าตะเกียบ ที่ขณะนี้มีช้างป่าหลายสิบตัวบุกเข้ามาหากินในหมู่บ้าน และเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ยังเข้าบุกเข้าไปหากินภายในหมู่บ้านชมพู ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดกันอีกด้วย ”นางฉลวย กล่าว
