นครพนม - เปิดงานนมัสการองค์พระธาตุพนมวันแรก พลังศรัทธาไทย-ลาวนับแสนแน่นพื้นที่ร่วมงานบุญแห่พระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขงมาประดิษฐาน ณ หอพระแก้วภายในวัดพระธาตุพนม เริ่มงานนมัสการพระธาตุพนม 12-20 กุมภาพันธ์นี้
วันนี้ (12 ก.พ. 62) ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พุทธศาสนิกชนชาวไทย ชาวลาว ตลอดจนนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เดินทางมารอร่วมประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขงเพื่อมาประดิษฐาน ณ พระวิหารหอพระแก้ว วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ในงานนมัสการองค์พระธาตุพนม ประจำปี 2562
พลังศรัทธาแต่ละคนได้เตรียมดอกไม้ ธูป เทียน ตลอดจนเครื่องสักการะต่างๆ มาร่วมพิธี ขอพรให้พระอุปคุตคุ้มครอง ป้องกันภยันตรายต่างๆ ให้แก่ตนเองและครอบครัว เพราะศรัทธาในฤทธานุภาพของพระอุปคุต ซึ่งเป็นอรหันต์ที่ปฏิบัติธรรมอยู่ที่หอแก้ววิหารใต้สะดือทะเล เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนา หรือมีพิธีกรรมใหญ่ๆ ทางพระพุทธศาสนา ท่านจะขึ้นมาช่วยเหลือคอยปกป้องคุ้มครองด้วยความเต็มใจ
กระทั่งเวลา 8.00 น. นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานฝ่ายฆราวาส และพระเทพวรมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ประธานฝ่ายสงฆ์ ได้นำพุทธศาสนิกชนที่มาร่วมงานสวดมนต์ไหว้พระและประกอบพิธีอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นจากแม่น้ำโขง โดยหลังพิธีสวดอัญเชิญพระอุปคุต นายชัยวัฒน์ ชัยเวชพิสิฐ นายอำเภอธาตุพนม พร้อมด้วยพลตำรวจตรี ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม,
พลตรี ปราโมทย์ นาคจันทึก ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 210, นาวาเอก อภิชาติ แก้วดวงเทียน ผู้บังคับการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตนครพนม, นายประสาน ทัศคร รักษาการพัฒนาการจังหวัดนครพนม เป็นผู้แทนพุทธศาสนิกชนดำน้ำลงไปอัญเชิญพระอุปคุตขึ้นมาจากใต้ลำน้ำโขง ก่อนจะส่งต่อให้กับประธานในพิธีอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระวิหารหอพระแก้ว ตลอดระยะทางที่อัญเชิญพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ชาวลาว ตลอดจนนักท่องเที่ยวจะโปรยดอกไม้และโปรยทาน ตลอดจนรำบวงสรวง การแห่ต้นกัลปพฤกษ์ ต้นผึ้ง ต้นเทียน ขันหมากเบ็ง หอผาสารท บายศรีหลวง และการแสดงของแต่ละชนเผ่าที่มาร่วมงาน
สำหรับงานนมัสการองค์พระธาตุพนมถือเป็นประเพณีสำคัญของพุทธศาสนิกชนทั้งสองฝั่งโขง ถือปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาแต่โบราณ เพราะเชื่อว่าถ้าใครมีโอกาสได้กราบไหว้พระธาตุพนม หนึ่งในพระสถูปมหาเจดีย์อันศักดิ์สิทธิ์ บรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมกับถวายเครื่องสักการบูชาหน้าองค์พระธาตุพนม จะทำให้มีจิตใจสงบเยือกเย็น และหากยังไม่บรรลุนิพพานในชาตินี้ เมื่อตายไปวิญญาณจะได้ไปสู่สรวงสวรรค์
ทำให้วันนมัสการองค์พระธาตุพนมแต่ละปีจะมีพุทธศาสนิกชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมาร่วมพิธีจำนวนมาก โดยปีนี้งานจะมีไปจนถึงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งแต่ละวันจะมีกิจกรรมปฏิบัติบูชาให้ทุกคนได้ร่วมประกอบพิธี ทั้งการนมัสการองค์พระธาตุพนม รำบูชาพระธาตุพนม ห่มผ้าพระธาตุพนม การแห่กองบุญ การตักบาตรคู่อายุ ถวายข้าวพีชภาค ฟังพระธรรมเทศนา และเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุพนม นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน รวมถึงการจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน สินค้า OTOP ให้ผู้มาร่วมงานได้เลือกหาไปฝากคนทางบ้านด้วย
ทั้งนี้ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี หรือในช่วงวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงวันแรม 1 ค่ำเดือน 3 รวม 9 วัน 9 คืน จะมีงานบุญประเพณีใหญ่ของชาวอีสานที่สืบสอดกันมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2519 ยาวนานกว่า 40 ปี คืองานนมัสการองค์พระธาตุพนม ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร วัดอารามหลวงชั้นเอก ที่ตั้งองค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองอายุเก่าแก่กว่า 2,300 ปี
จากประวัติความเป็นมา ตามตำนานความเชื่อพระอุรังคนิทาน ระบุไว้ว่า สมัยหนึ่งในปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จพร้อมพระอานนท์มาทางอากาศ เพื่อไปบิณฑบาตที่เมืองศรีโคตรบูร สปป.ลาว ภายหลังได้มาประทับแรมที่ภูกำพร้า คือจุดที่ก่อสร้างองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน จากนั้นพญาอินทร์ได้เสด็จมาทูลถาม ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ ในภัทรกัลป์ที่นิพพานไปแล้ว บรรดาสาวกจะนำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า เช่นกันกับพระพุทธองค์ เมื่อนิพพานแล้ว พระมหากัสสปะ ผู้เป็นสาวก จะนำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้เช่นกัน
ภายหลังพระพุทธเจ้าปรินิพาน พระมหากัสสปะ ผู้เป็นสาวก ได้ร่วมกันสร้างองค์พระธาตุพนมขึ้นเพื่ออัญเชิญพระอุรังคธาตุมาประดิษฐาน ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12-14 หรือในราวปี พ.ศ. 8 สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรกำลังเจริญรุ่งเรือง โดยการนำของพญาเจ้าเมืองทั้ง 5 และพระอรหันต์ 500 องค์ ซึ่งในยุคแรกได้ก่อสร้างจากดินดิบ เป็นเตาสี่เหลี่ยม ข้างในเป็นโพรงมีประตูทั้ง 4 ด้าน จากนั้นได้มีการบูรณะ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 500 และทำการบูรณะต่อเนื่องมารวมถึง 6 ครั้ง
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนมได้พังทลายลงเนื่องจากฐานเก่าแก่ และได้พบเห็นผอบแก้วบรรจุพระอุรังคธาตุ 8 องค์ไว้ภายใน และมีการลงเข็มรากสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2519 เป็นเจดีย์ทรงฐาน 4 เหลี่ยม ความสูงจากพื้นถึงยอดฉัตร 57 เมตร ฐานกว้างด้านละ 12.300 เมตร ยอดฉัตรเป็นทองคำน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ภายในได้บรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอก ของพระพุทธเจ้า จากนั้นจึงได้จัดพิธีเฉลิมฉลอง บูชาองค์พระธาตุพนม สืบทอดมาถึงปัจจุบันทุกปี