ฉะเชิงเทรา - เวทีประชุมรับฟังความเห็นแนวทางการจัดทำแผนผังการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่ฉะเชิงเทราป่วน หลังนักเคลื่อนไหวขนม็อบต้าน
วันนี้ (8 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามได้เกิดเหตุปั่นป่วนขึ้นในการประชุมรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเรื่อง “แนวทางการจัดทำแผนผังการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)” ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก จัดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ ห้องเทพราช 3 โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา โดยมี น.ส.พจณี อรรถโรจน์ภิญโญ และ น.ส.ทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก พร้อมคณะเข้าร่วม
นอกจากนั้นยังมี นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา และหัวหน้าส่วนราชการ รวมทั้งภาคเอกชน หอการค้า สภาอุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไป ร่วมระดมความเห็นกว่า 500 คน
โดยเหตุการณ์ปั่นป่วนเกิดขึ้นหลังจากที่กลุ่มชาวบ้านภายใต้การนำของ นายสรายุทธ์ สนรักษา นักเคลื่อนไหวได้นำชาวบ้านจาก ต.เขาดิน อ.บางปะกง และชาวบ้าน ต.หนองตีนนก อ.บ้านโพธิ์ รวม 20 คน ถือแผ่นป้ายที่มีข้อความต่อต้านและด่าทอโครงการ EEC ด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ พร้อมเดินกระทืบเท้าเข้ามาในห้องประชุม ก่อนส่งเสียงโวยวายอ้างว่าคณะกรรมการ EEC ไม่เชิญให้พวกตนเข้าร่วม
พร้อมพยายามที่จะอ้างสิทธิในการแสดงความคิดเห็นในฐานะเป็นคนพื้นที่ที่ไม่ต้องการให้มีโครงการพัฒนาต่างๆ เข้ามา โดยเฉพาะโครงการที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันรวม 3 โครงการ ประกอบด้วย โครงการนิคมฯ อมตะนคร 2 ใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี โครงการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรม บลูเทค ซิตี้ อ.บางปะกง และโครงการท่าเรือบกหนองตีนนก อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนขึ้นในที่ประชุม พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา ได้สั่งการให้กองร้อยควบคุมฝูงชน เข้ามาดูแลรักษาความสงบ ก่อนที่ที่ประชุมจะยินยอมให้ นายสรายุทธ์ อ่านแถลงการณ์และยื่นหนังสือคัดค้านทั้ง 3 โครงการ ด้วยการอ้างถึงการก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมที่ขวางทางน้ำ และความต้องการอนุรักษ์พื้นที่เกษตรกรรมชั้นดี
ด้าน นายกิตติทัศน์ ประเสริฐศรี ผู้ใหญ่บ้าน ม.5 ต.เขาดิน อ.บางปะกง กล่าวว่าตนเองเห็นด้วยที่ภาคเอกชนจะพัฒนาโครงการที่นำความเจริญมาสู่หมู่บ้าน เนื่องจากที่ทำกินใน ต.เขาดิน ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่ทำนาที่ได้ผลผลิตเพียงปีละ 1 ครั้งในวันนี้ได้รับความเสียหายจากน้ำเค็มเข้าใต้หน้าดินจนทำให้กลายเป็นดินเปรี้ยว และมีลักษณะเป็นก้อนกรวดจนปลูกพืชไม่ได้ผลผลิต ซึ่งการมีบริษัทภาคเอกชน เข้ามาช่วยพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งอุตสาหกรรม จะทำให้ชาว ต.เขาดินมีงานทำใกล้บ้าน
และยังได้นำรายชื่อชาว ต.เขาดิน พร้อมเลขบัตรประชาชนจำนวนกว่า 700 รายชื่อที่ให้การสนับสนุนโครงการมาแสดงต่อที่ประชุมอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมดังกล่าวจำเป็นต้องปิดลงอย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาในการระดมความเห็นไม่เกิน 2 ชั่วโมง หลังเกิดเหตุการณ์ปั่นป่วน