ศูนย์ข่าวเชียงใหม่-แชร์ว่อน!คลิปรุ่นพี่ทำร้ายนักเรียนหญิงรุ่นน้องที่เชียงใหม่ ทั้งตบตี เตะ จิกหัว และบังคับกราบเท้า โซเชียลสุดสะเทือนใจ พร้อมตำหนิพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง พบเหตุเกิดปลายปี61ล่าสุดผู้ปกครองสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว
วันนี้(6 ก.พ.62) เพจเฟซบุ๊คชื่อ “Red Skull ช่วยเหลือเหยื่อจากชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม” ทำการโพสต์เรื่องราวพร้อมคลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์ที่เด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งกำลังถูกรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย ทั้งโดยการตบตี เตะ และดึงผม รวมทั้งบังคับให้กราบเท้า
โดยโพสต์ดังกล่าวบรรยายข้อความว่า “เหตุเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ รุ่นพี่ทำร้ายรุ่นน้อง เรื่องเกิดตั้งแต่ ก.ย.61 ผู้ปกครองรู้ว่าน้องมีเรื่องแต่คิดว่าแค่เล็กน้อยแต่ผู้ปกครองเพิ่งจะเห็นคลิป ตอนนี้กำลังปรึกษาว่าจะเอายังไงดี” และ “คือเรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อกันยา61แล้วก้อจิง แต่ตางแม่ของน้องฮู้ว่าโดนตี๋แต่แรก แต่น้องและเพื่อนๆบอกแม่ของน้องว่าเรื่องเล็กน้อยแล้วโดนตี๋บ่นัก แม่ของน้องเลยม่ะเอาเรื่อง#ส่วนคลิปเพิ่งได้มาตะวา จากกลุ่มที่ทำร้ายน้อง แล้วจะนัดตี๋น้องแหมรอบเพราะได้ใจหันแม่ของน้องม่ะเอาเรื่องตั้งแต่แรก#ตอนนั้นม่ะได้หันคลิปกะตอนนี้หันคลิปความรู้สึกมันคนล่ะอย่างเลย จะเอาไดดีเจ้ากะล่ะอ่อนม่ะเด่ว”
ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวมีการแชร์ในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็วและแพร่หลาย พร้อมทั้งมีผู้เข้าไปแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ต่างตำหนิการกระทำและพฤติกรรมของรุ่นพี่ที่ทำร้ายนักเรียนหญิงรุ่นน้องในคลิปวิดีโอดังกล่าว ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกำลังเตรียมตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่ พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นทราบว่าเหตุการณ์ตามคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณเดือนกันยายน 2561 โดยผู้ปกครองของเด็กนักเรียนรุ่นน้องที่ถูกทำร้ายเพิ่งเห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวและนำมาเผยแพร่เพื่อร้องขอความเป็นธรรม แต่ต่อมาทางฝ่ายผู้ปกครองของรุ่นพี่ที่ลงมือทำร้ายได้ติดต่อมาว่าจะแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จึงมีการโต้เถียงกัน โดยทางฝ่ายผู้ปกครองของเด็กนักเรียนรุ่นน้องจะแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายด้วย
รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า หากฝ่ายใดมีความประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมที่จะดำเนินการให้ความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบล่าสุดทราบว่าทั้งสองฝ่ายสามารถเจรจาตกลงกันได้ด้วยดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการประสานไปยังทางโรงเรียนและผู้ปกครองให้ช่วยกันสอดส่องดูแลป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องบานปลาย รวมทั้งควบคุมพฤติกรรมไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้อีก.