นครปฐม - ผู้การฯ นครปฐม แจงกรณี นักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์ ถูกจักรยานยนต์ชนขณะข้ามถนนหน้าวิทยาลัย ยันตำรวจไม่ทอดทิ้งพร้อมระดมเงินช่วยเหลือ 1 แสน ขณะแม่บอกลูกสาวยังโคม่า สมองไม่ตอบสนอง โดยวอนจัดสะพานลอยให้นักเรียนหลายพันคนใช้งาน
พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เผยว่าจากกรณี มีผู้ใช้ เฟซบุ๊ก “Kendo Photjanasuntorn” หรือดีเจเคนโด้ เกรียงไกรมาศ พจนสุนทร ได้ออกมาโพสต์อุทาหรณ์ หลังนักเรียนมัธยมปลายโรงเรียนนาฏศิลป์ศาลายา ได้เกิดอุบัติเหตุถูกจักรยานยนต์ชนบริเวณหน้าสถานศึกษา โดยปรากฏภาพจากกล้องวงจรปิด เป็นจักรยานยนต์ที่พุ่งเข้าชน นางสาวหทัยภัทร ตันตสิรินทร์ อายุ 15 ปี นักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
ขณะกำลังข้ามถนนด้านบนทางม้าลายหน้าวิทยาลัยฯ ซึ่งมีสัญญาณปุ่มกดไฟเขียวไฟแดงสำหรับให้สัญญาณกับรถยนต์ก่อนจะเดินข้ามถนน จนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เนื่องจากศีรษะกระแทกอย่ารุนแรงอาการโคม่า และได้ถูกนำไปรักษาตัวที่ห้อง ICU โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม โดยมีทีมแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา โดยพนักงานสอบสวนได้มีการติดตามเร่งรัดสอบสวนมาโดยตลอดและพบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บนั้นรักษาตัวเกิน 20 วัน ซึ่งผู้กระทำความผิดก็เข้าข่ายกระทำความผิดขับขี่โดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาแล้ว และได้ยื่นคำร้องผลัดฟ้องต่อศาลแขวงนครปฐม ซึ่งการสอบสวนมีอำนาจขอผลัดฟ้อง 5 ผลัด ผลัดละไม่เกิน 60 วัน
ส่วนการเยียวยานั้นทางตำรวจ สภ. พุทธธมณฑล ได้มีการเยียวยาค่าคุ้มครองจากผู้ประสบภัย เบื้องต้นสามารถเบิกได้ 3 หมื่นบาท ซึ่งผู้เสียหายสามารถเบิกได้กับบริษัทรถที่ชนหรือจากบริษัทประกันภัยกลาง ส่วนคดีนั้นเราได้ดำเนินมาโดยตลอด ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจโดยดูอาการบาดเจ็บและพิจารณาว่าจะส่งฟ้องศาลใด ซึ่งตอนนี้ชัดเจนแล้ว
ด้าน พันตำรวจเอก สุธี พรมมาลี ผกก.สภ.พุทธมณฑล กล่าวว่า สำหรับการดูแลความเรียบร้อยด้านการจราจรนั้นทางตำรวจได้ทำมาโดยตลอด และนับจากนี้ จะมีการขออาสาสมัครด้านการจราจรจากหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลับราชมงคลรัตนโกสินทร์เพื่อจะให้เข้าเป็นกลุ่มที่จะช่วยดูแลการจราจร โดยจะมีการสวมหมวกสีแสด ชัดเจนโดยจะเริ่มในวันที่ 4 ก.พ. นี้ทันที
นอกจากนี้ ได้ลงพื้นที่ในการตรวจที่เกิดเหตุ เพื่อทดสอบปุ่มสัญญาณสำหรับให้ประชาชนและนักศึกษาได้กดสัญญาณไฟเพื่อแสดงให้เห็น โดยการทดสอบปรากฏว่า รถส่วนใหญ่ที่วิ่งมาจะไม่สนใจและหยุดจอดเพื่อให้นักศึกษาเดินข้าม โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่าจะเกิดจากด้านวิศกรรมการจราจร หรือการขาดวินัยไม่เคารพกฎจราจร ประกอบกันจึงจะมีการสั่งการให้มีการเข้ามาตรวจสอบและแก้ไขโดยด่วน
ด้าน นักศึกษาวิทยาลัยนาฏศิลป์ ที่ข้ามถนนเป็นประจำบอกว่า บริเวณดังกล่าวนั้นรถยนต์นั้นจะวิ่งด้วยความเร็ว และสัญญาณไฟนั้นเพิ่งจะมีมาไม่นานแต่ก็พบว่า รถส่วนใหญ่ไม่จอดต้องอาศัยมองด้วยตาเมื่อเห็นว่าปลอดภัยจึงสามารถข้ามไปได้ และสงสัยว่าบริเวณดังกล่าวเป็นสถานศึกษาแต่รถก็ไม่มีการลดความเร็วหรือหยุดให้นักเรียนได้ข้ามถนนจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
ขณะที่ นายมณเทียร นรนิ่ม อายุ 56 ปี รปภ. เผยว่า ถนนดังกล่าวประชาชนนั้นไม่ค่อนจะรักษากฎจราจร คือไม่หยุดให้นักเรียนข้ามถนนแต่ก็ไม่เคยเห็นว่าเกิดอุบัติเหตุ กระทั่งกรณีล่าสุด ซึ่งตอนนี้ทางโรงเรียนได้มีการให้นำโทรโข่งมาประกาศในช่วงให้นักเรียนมาข้ามถนนพร้อมตีธงแดง ซึ่งก็จะมีการจอดรถดีขึ้น ส่วนสัญญาณไฟที่อาจจะมองไม่ชัดเจนก็ไม่น่าจะใช่สาเหตุเพราะมีไฟ 2 ดวงเด่นชัดอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้เดินทางเข้าพบ กับนางหนึ่งฤทัย ตันตสิรินทร์ อายุ 40 ปี อาจารย์โรงเรียนเอกชน ย่านพระราม 2 ซึ่งได้มอบเงิน จากกลุ่มเพื่อทวี เป็นเงินจำนวน 106,500 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวและได้แสดงการยืนยันถึงการดำเนินคดีโดยไม่ทอดทิ้ง โดยมีกลุ่มบรรดาญาติและเพื่อครูของ นางหนึ่งฤทัย ได้เข้ามาร่วมเป็นกำลังใจให้ด้วย
ด้านนางหนึ่งฤทัย ตันตสิรินทร์ กล่าวว่าขณะนี้อาการของลูกสาวทรงตัว แพทย์ต้องใช้ยาช่วยเร่งความดันเพื่อให้เลือดขึ้นไปเลี้ยงสมองได้ แต่สมองยังไม่ตอบสนอง ยังต้องใช้เครื่องช่วยหายใจประคองไว้ และยังไม่มีสัญญาณดีขึ้น ส่วนการดำเนินคดี มีช่วงที่ขาดหายไปคงจะดูว่ามีการแจ้งข้อหาอย่างไร แต่วันนี้ก็ได้เข้ามาแจ้งให้เข้าใจแล้ว ส่วนตัวอยากให้บริเวณดังกล่าวสร้างสะพานลอยเพื่อให้ความปลอดภัยกับทุกคน ซึ่งตนเองมีลูกสาวคนเดียวก็ไม่อยากให้ใครต้องมาประสบกับเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งถ้าลูกกลับไปเรียนได้ก็อยากให้มีสะพานลอย ก็จะทำให้เกิดความปลอดภัยกับเด็กหลายพันคนที่จะต้องมาเสี่ยงด้วย