ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาเมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบชายหาดเขตปลอดดงตาล หลังชาวบ้านร้องเมืองพัทยา ปล่อยต้นปาล์ม ยืนต้นตาย ซ้ำพบโครงการปรับภูมิทัศน์เฟส 2 มีการขุดร่องเตรียมปลูกปาล์มเพิ่มอีก เตรียมชงเรื่องซักฟอก 22 ก.พ.นี้
จากกรณีที่ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ว่า ต้นปาล์มในโครงการปรับภูมิทัศน์เมืองพัทยา บริเวณต้นหาดจอมเทียนช่วงเขตปลอดดงตาล เมืองพัทยา จ.ชลบุรี ได้พากันยืนต้นเหี่ยวเฉาตายกว่า 30 ต้นตลอดระยะทางกว่า 500 เมตร ตั้งแต่บริเวณหน้าคอนโดฯ วิวทะเล 7 ไปจนถึงเอวาลอนบีช รีสอร์ท มีลักษณะใบสีเหลืองแห้ง และบริเวณลำต้นบางส่วนเฉาตายเนื่องจากไม่ได้รับการดูแลรดน้ำ หรือบำรุงรักษานั้น
ล่าสุด วันนี้ (1 ก.พ.) นายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานสภาเมืองพัทยา พร้อมด้วยสมาชิกสภาเมืองพัทยา ร่วมทั้งเจ้าหน้าที่จากสำนักการช่างและบริษัทผู้รับเหมาโครงการ ได้ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยพบสภาพต้นปาล์มใกล้ตายจำนวนมาก นอกจากนั้น ยังทำการตรวจสอบความคืบหน้าของโครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดเขตปลอดดงตาล ในเฟสที่ 2 ซึ่งมีพื้นที่ต่อเชื่อมกันด้วย
นายอนันต์ ระบุว่า พื้นที่ที่มีปัญหาต้นปาล์มยืนต้นตายนั้นอยู่ในงบประมาณของการปรับปรุงภูมิทัศน์ในเฟสที่ 1 ซึ่งไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาเมืองพัทยาชุดปัจจุบัน แต่จากการสอบถามผู้เกี่ยวข้องทราบว่า โครงการนี้ยังอยู่ในระยะเวลาการรับประกันในส่วนของการก่อสร้างซึ่งกินเวลานาน 2 ปี ขณะที่ต้นไม้ซึ่งเกิดความเสียหายนั้นตาม TOR ระบุว่า ผู้รับจ้างจะดูแลในระยะเวลา 6 เดือนก่อนยกให้เมืองพัทยา เป็นผู้ดูแลช่วงต่อไป โดยพบว่ามีการส่งมอบอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่เดือน เม.ย.2561 ที่ผ่านมา
ดังนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นคงจะให้ผู้รับเหมารับผิดชอบไม่ได้ และเมืองพัทยา คงจะต้องดูแลรักษาเอง ซึ่งเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากต้นปาล์ม ขาดน้ำและการบำรุงรักษา จึงได้เสนอไปยังฝ่ายบริหารให้เร่งรัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล
“ที่ติดใจคือเรื่องของโครงการปรับภูมิทัศน์ในเฟสที่ 2 ชายหาดเขตปลอดดงตาลซึ่งต่อเชื่อมจากระยะที่ 1 ด้วยโครงการผ่านการพิจารณาจากสภาเมืองพัทยาในยุคปัจจุบัน แม้จะเป็นงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลแต่ก็ต้องมีงบจำนวน 10% จากท้องถิ่นเข้าไปสมทบ ซึ่งการพิจารณาของสภาเมืองพัทยาในขณะนั้นมีมติชัดเจนว่าให้หยุดการดำเนินการที่มีแบบเหมือนระยะที่ 1 โดยมีแผนให้ทำการปรับปรุงแบบ หรือ TOR โดยไม่อยากให้มีการตัดตัดไม้ขนาดใหญ่บริเวณชายหาดทิ้งเพื่อคงสภาพทางธรรมชาติ”
แต่จากการลงพื้นที่ตรวจสอบกลับพบว่า โครงการในเฟสที่ 2 มีความคืบหน้าแล้วกว่า 70% และยังพบว่าแม้ต้นไม้ส่วนใหญ่บนชายหาดจะยังไม่ถูกตัดทิ้ง แต่บางส่วนก็ถูกตัดทิ้งออกไปซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เนื่องจากชายหาดแห่งนี้ถือเป็นปอดแห่งสุดท้ายของเมืองพัทยาที่นักท่องเที่ยวให้ความนิยม
นอกจากนั้น ยังพบว่ามีการขุดเจาะแนวฟุตปาธ เพื่อเตรียมนำต้นปาล์มมาปลูกเพิ่มอีกหลายสิบต้น ถือเป็นการดำเนินงานที่ค้านกับมติของสภาเมืองพัทยา
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ สมาชิกสภาเมืองพัทยา จะ นำเรื่องดังกล่าวทั้งในส่วนของโครงการในระยะแรกและระยะที่ 2 เข้าสอบถามข้อเท็จจริงในสภาเมืองพัทยา เพื่อแก้ไขให้ตรงเจตนารมณ์ และตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญด้วย
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า โครงการปรับภูมิทัศน์ชายหาดจอมเทียน จัดทำในงบประมาณ 257 ล้านบาท ด้วยงบประมาณอุดหนุนผูกพันจากส่วนกลาง เริ่มดำเนินการระหว่างปี 2558-2560 ตลอดระยะทางยาวตลอดแนวชายหาด กว่า 4 กิโลเมตร โดยจะมีการปรับภูมิทัศน์ด้วยการปลูกต้นไม้สวยงาม การขยายฟุตปาธ และทำที่จอดรถ ซึ่งมีรูปแบบการดำเนินการคล้ายกับพื้นที่ชายหาดพัทยาและชายหาดกระทิงลาย ด้วยการเน้นเพิ่มพื้นที่ให้แก่นักท่องเที่ยวให้ได้ใช้ประโยชน์มากขึ้น
