xs
xsm
sm
md
lg

“ยิ่งให้ยิ่งได้”...คำสอนหลวงพ่อคูณ รู้ไหม! หลวงพ่อบริจาคเงินช่วยสาธารณะกว่า 6,000 ล้านบาท

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ย้อนชีวิตวัยเด็ก “หลวงพ่อคูณ” เจอความจนตั้งแต่เกิด ซ้ำต้องกำพร้าพ่อแม่ ลุงป้าต้องนำมาเลี้ยง จนทำให้กลายเป็นคนขี้สงสารชอบช่วยเหลือคนอื่น เงินบุญจากญาติโยมจึงบริจาคออกหมด เผยยอดเงินบริจาคเท่าที่มีบันทึกกว่า 6,000 ล้าน

งานพระราชทานเพลิงครูใหญ่ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 29 ม.ค. 62 ที่จะถึงนี้ เป็นอีกข่าวหนึ่งที่สื่อทุกแขนงเกาะติดนำเสนอและดูเหมือนว่าจะได้รับความสนใจมากกว่าข่าวกระแสหลักหลายข่าวด้วยซ้ำ แต่ยังมีเยาวชน หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ ยุคที่มีสมาร์ทโฟนเป็นสรณะจำนวนมากที่รู้เรื่องภูมิหลังของหลวงพ่อคูณกันน้อยมาก

คติธรรมประการหนึ่งที่หลวงพ่อคูณท่านพร่ำเทศนาสั่งสอนญาติธรรมให้รู้จักพอ หากต้องการหลุดพ้นจากความทุกข์ที่เป็นบ่วง ยังยึดมั่นถือมั่นไม่ยอมปล่อยวาง คือ...“ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้”

…..“วัดบ้านไร่” แห่ง ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เดิมเป็นสำนักสงฆ์เล็กๆ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2436 ในช่วงรัชกาลที่ ๕ มี พระอาจารย์เชื่อม วิรโช เป็นเจ้าอาวาสรูปแรก และหลังจากนั้นก็เริ่มมีการก่อสร้างศาสนอาคารต่างๆ ขึ้นตามแต่ปริมาณเงินศรัทธาของญาติโยมที่มี

ต่อมาในช่วงที่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัด ถือเป็นห้วงที่มีการพัฒนาวัดมากที่สุด ด้วยมีผู้ศรัทธาจากทั่วประเทศได้ร่วมถวายวัตถุปัจจัยเป็นเงินมหาศาล

หลวงพ่อคูณได้เริ่มสร้างพระอุโบสถขึ้น มีชาวบ้านช่วยกันเข้าป่าตัดไม้ สมัยก่อนมีอยู่มาก การตัดไม้ในสมัยนั้นไม่ค่อยสะดวกนัก ไม่มีเครื่องจักร ไม่มีถนน กว่าจะได้ไม้ที่เลื่อยแปรสภาพสำเร็จต้องเจอปัญหาการขนย้ายที่ยากลำบาก อาศัยวัวเทียมเกวียนเป็นพาหนะหลัก หรือใช้แรงงานคนลากจูงออกมาจากป่าจากเขา แต่หลวงพ่อคูณก็สามารถนำชาวบ้านช่วยกันสร้างพระอุโบสถจนสำเร็จ (ปัจจุบันได้รื้อลงแล้ว และก่อสร้างหลังใหม่แทน)

(ขวา)คุณตาบรรจบ  ศิลปชัย วัย 73 ปี  ลูกพี่ลูกน้องของหลวงพ่อคูณ  ปัจจุบันเป็นไวยาวัจกร วัดบ้านไร่
นอกจากการก่อสร้างพระอุโบสถแล้ว ยังสร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ ขุดสระน้ำไว้ดื่มไว้ใช้ และที่สำคัญ หลวงพ่อคูณยังสร้างโรงเรียนขึ้นมาเพื่อให้เด็กบ้านไร่ได้เล่าเรียนอ่านออกเขียนได้ วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา จนทำวัดบ้านไร่มีผู้ใฝ่บุญจากทั่วประเทศมาเยือนและกราบไหว้หลวงพ่อคูณต่อเนื่องทุกวัน


หลวงพ่อคูณ เป็นพระชาวบ้านที่เข้าถึงมวลชนทุกระดับชั้น ตั้งแต่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน นักการเมืองไปจนถึงชาวบ้าน ด้วยท่านมีเมตตามหานิยม มีวิธีการสั่งสอนที่ตรงไปตรงมาง่ายแก่การเข้าใจ ทำให้เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างกว้างขวาง

หลวงพ่อคูณ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ที่บ้านไร่ หมู่ 6 ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จงนครราชสีมา ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนายากจน บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชื่อ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน คือ 1. หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ 2. นางคำมั่น แจ้งแสงใส และ 3. นางทองหล่อ เพ็ญจันทร์

หลวงพ่อคูณได้บริจาคเงินสร้างโรงพยาบาลถึง 3 แห่ง โรงเรียนอีกหลายโรง และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังได้บริจาคเงินทองเพื่อช่วยเหลือสาธารณสุขต่างๆ ทุกๆ วัน แต่ละเดือนเป็นเงินหลายแสนบาท

เคยมีผู้บันทึกคำพูดของหลวงพ่อคูณไว้ว่า...“หลวงพ่อเป็นคนยากจนมาโดยกำเนิด จึงอยากคิดช่วยเหลือคนอื่น การนำเงินออกไปช่วยคนอื่นก็จะมีคนบริจาคเรื่อยๆ ถ้าเก็บไว้จะทำให้ตนตาบอด ใจก็บอดอีกด้วย จึงอยากช่วยคนอื่นอยู่เรื่อยไป วันใดไม่มีคนมาขอเงิน ก็ไม่ค่อยสบายใจ”

คุณตาบรรจบ ศิลปชัย วัย 73 ปี ลูกพี่ลูกน้องของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ปัจจุบันเป็นไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ เล่าย้อนให้ฟังว่า หลวงพ่อคูณเจอสภาพความเป็นอยู่ที่ยากจนแร้นแค้นมาตั้งแต่วัยเด็ก ซ้ำยังต้องกำพร้าพ่อและแม่ ลุงและป้ารวมถึงพ่อแม่ของคุณตาบรรจบที่มีศักดิ์เป็นน้าต้องช่วยกันเลี้ยงดู

ความทุกข์ยากในวัยเด็กที่ต้องเผชิญทำให้เมื่อหลวงพ่อคูณเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ หลวงพ่อคูณจึงคิดแต่ช่วยเหลือชาวบ้านไม่ว่าจะด้านไหนก็ตาม ใครมาขอให้ช่วยเหลือท่านไม่เคยปฏิเสธ ดูได้จากสมุดรายการบริจาคของหลวงพ่อคูณ ที่เริ่มจดบันทึกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 รายการบริจาคมียอดเงินตั้งแต่ หลักร้อยจนถึงหลักล้าน

หลวงพ่อคูณเป็นผู้มีความเมตตาสูง เป็นผู้ให้มาโดยตลอด ให้ความเสมอภาคแก่ลูกศิษย์ทุกคน ไม่เลือกปฏิบัติ จึงเป็นที่ศรัทธาของผู้ที่ได้พบเห็น ในแต่ละวันมีญาติโยมนำปัจจัยมาถวายจำนวนมาก ไม่ว่ายาจกหรือเศรษฐี

คุณตาบรรจบบอกว่า หลวงพ่อคูณนำเงินที่ญาติโยมมาถวายมาทำบุญไปบริจาคสร้างวัด สร้างสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น สร้างโรงเรียน, โรงพยาบาล, พัฒนาแหล่งน้ำให้ชาวด่านขุนทดได้ใช้ทำการเกษตร มีรายได้จากการทำไร่ทำนา ไม่ต้องเจอกับความแห้งแล้งซ้ำซากเหมือนแต่อดีต

หากประเมินจาก “การให้” ของหลวงพ่อคูณ ทั้งที่มีการจดบันทึก และไม่ได้จดบันทึกเป็นหลักฐาน หลวงพ่อคูณได้บริจาคเงินสร้างสาธารณประโยชน์ไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท
บันทึกหน้าสุดท้าย หลังจากหลวงพ่อคูณมรณภาพ


กำลังโหลดความคิดเห็น