ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตำรวจสืบสวนภาค 4 พบข้อมูล “เทพบุตรโซโล” เป็นเครือข่ายขบวนการค้ายาเสพติด เครือข่ายแก๊งมันทุกเม็ด ยันมีตัวตนจริงเป็นคนไทยอาศัยในพม่า พร้อมประสานจับกุม ด้านเหยื่อถูกแก๊งอาร์ตลาย รุมทำร้ายผิดตัวให้ปากคำแล้ว
วันนี้ (19 ม.ค.) พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผบก.สส.ภ.4 เปิดเผยถึงการติดตามจับตัวผู้ใช้เฟซบุ๊ก “เทพบุตรโซโล” ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้ใช้เฟชบุ๊ก ชื่อ เทพ โซโล และเทพบุตร โซโล ซึ่งการสืบสวนสอบสวนขณะนี้ทราบตัวตนคนร้ายรายนี้ชัดเจนแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ล่าสุด พบว่าหลบหนีอยู่ในประเทศพม่า ทันทีที่ ตร.ภ.4 ได้หมายจับมาแล้ว จะประสานทางการพม่าจับกุม
ที่ผ่านมา ตำรวจไทยและทางการพม่ามีการประสานงานกันเรื่องส่งตัวผู้ต้องหาในหลายๆ คดีมาแล้ว และได้รับการร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งผู้ต้องหาเหล่านี้จะต้องเอาตัวมาดำเนินคดีในประเทศไทยให้ได้ ทั้งนี้ เทพบุตรโซโลนั้นเป็นแก๊งเดียวกันกับแก๊งมันทุกเม็ด จากการตรวจสอบพบว่า เมื่อแก๊งมันทุกเม็ดมีหมายจับก็ทำการปิดเฟซบุ๊กไป และมาตั้งเป็นเทพ โซโล และเทพบุตร โซโล ขณะนี้ เทพบุตรโซโลตัวจริงก็ปิดเฟซบุ๊กไปแล้วเช่นกัน ซึ่งต่อไปจะตั้งชื่อเฟซบุ๊กขึ้นมาใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
ด้าน พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย ผกก.สภ.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า หลังจากมีคลิปเหตุการณ์รุมทำร้ายร่างกาย ชายไม่ทราบชื่อ ซึ่งเป็นคลิปที่แก๊งของนายอรรถพล ชัยสอน หรืออาร์ตลาย อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44 ม.4 บ้านโคกฟันโปง ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมพวกรุมทำร้ายร่างกาย จนสุดท้ายกลายเป็นทำร้ายผิดคน และยังปล้นเอารถจักรยานยนต์ไปด้วยนั้น ซึ่งผู้เสียหายได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเป็ด เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตัวผู้เสียหาย คือ นายกิตติพัฒน์ คำพิลา หรือต้า อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 161/191 ม.14 บ้านหนองไผ่ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น มาสอบสวนแล้ว
นายกิตติพัฒน์ ให้การว่า ไม่รู้จักกับกลุ่มผู้ต้องหามาก่อน แต่ที่ไปตามนัดเพราะต้องการกู้ยืมเงิน แต่เมื่อไปถึงที่นัดหมายกับพบวัยรุ่นประมาณ 5 คนยืนถือไม้เบสบอล และท่อนไม้ยืนอยู่หน้าบ้าน จึงจอดรถจักรยานยนต์แล้วทำทีเดินไปปัสสาวะข้างทาง กลุ่มผู้ต้องหาจึงวิ่งเข้ามารุมทำร้ายโดยไม่ทราบสาเหตุ และผู้ที่ถูกกลุ่มนายอาร์ตลาย รุมทำร้ายร่างกายนั้นชื่อว่า นายบุญจันทร์ สิงห์สาย อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 98 ม.5 ต.ธงพระ อ เมือง จ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดตามตัวนายบุญจันทร์ มาสอบสวนเช่นกัน
พ.ต.อ.ภาคภูมิ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทราบว่า นายบุญจันทร์ ให้การว่ามีอาชีพเผาถ่านขายอาศัยอยู่ในชุมชนริมทางรถไฟพื้นที่บ้านหนองไผ่ ต.ศิลา โดยรู้จักกับนายต้า เพราะอยู่ในชุมชนเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุ นายต้า ได้ชวนให้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาเป็นเพื่อน โดยนายต้า อ้างว่าจะไปจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้รายวัน เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ไปถึงหน้าบ้านหลังหนึ่งริมถนนเลี่ยงเมือง นายต้า ได้จอดรถจักรยานยนต์
จากนั้นก็หายตัวไปเหลือเพียงนายบุญจันทร์ ที่ถูกพรรคพวกของนายอาร์ตรุมทำร้าย ซึ่งเมื่อนายอาร์ต ทราบว่าคนที่ถูกตีไม่ใช่นายต้า จึงปล่อยตัวไปและยึดเอารถจักรยานยนต์ของนายต้า ไว้พร้อมทั้งปล่อยตัวนายบุญจันทร์ ออกมาด้วย
ตรวจสอบประวัติของนายบุญจันทร์ ไม่มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติดแต่อย่างใด จึงเชื่อว่านายต้า รู้ตัวก่อนจึงหลบหนีไปได้ จากนั้นก็มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าถูกปล้นเอารถจักรยานยนต์ไป อย่างไรก็ตาม ในการสอบสวนในคดีที่เกิดขึ้นนั้น นายอรรถพล ได้รับการว่าจ้างจากเทพโซโล ให้ทำร้ายนายต้าให้ได้รับบาดเจ็บเพื่อสั่งสอนที่เบี้ยวค่ายาเสพติด ในราคา 5,000 บาท พร้อมถ่ายคลิป
แต่เมื่อทำงานพลาดตีผิดตัว เทพโซโลจึงจ่ายเงินให้เพียง 1,500 บาท โดยผู้ที่ร่วมรุมทำร้ายนายบุญจันทร์ ในวันดังกล่าว ประกอบด้วย นายอาร์ต ชัยศร หรือนายอั๋น (นามสมมติ) อายุ 16 ปี นายมนตรี หรือมล เนตรพล อายุ 23 ปี นายเกียรติศักดิ์ หรือบูม เยี่ยมเวหา อายุ 23 ปี น.ส.อริสา หรือฝน จันทมุด อายุ 22 ปี และ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี ซึ่งผู้ต้องหา 5 คน เป็นผู้ต้องหาในคดีทำร้ายนายเรส จนเสียชีวิต
แต่หลังเกิดเหตุทำร้ายร่างกายนายบุญจันทร์ และร่วมกันปล้นรถจักรยานยนต์ของนายต้า แล้ว จึงได้แจ้งข้อหาผู้ต้องหาทั้ง 5 คน รวมทั้งเด็กหญิงอายุ 15 ปีอีกหนึ่งคน ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น และข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ รวมถึงข้อหาอั้งยี่ซ่องโจร เพิ่มเติมด้วย
