เชียงราย - ทีมสำรวจถ้ำหลวงถอนกำลังก่อนกำหนด-ยังเข้าไม่ถึงพัทยาบีช และเนินนมสาว จุดที่ 13 หมูป่าฯ หลบภัย พบตั้งแต่สามแยกในถ้ำน้ำยังท่วม-ตะกอนทรายเต็มทางเดิน แถมออกซิเจนเบาบาง แต่พบอุปกรณ์คงค้างโถง 2-3 เพียบ
วันนี้ (17 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการสำรวจถ้ำหลวงตั้งแต่โถงแรก-โถงที่ 3 เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปฏิบัติการช่วยเหลือนักเตะ-โค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีจำนวน 13 คนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 11 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากตรวจพบระดับน้ำที่โถงแรกแห้งลงแล้ว
โดยนายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, พลเรือตรี อาภากร อยู่คงแก้ว ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือ หรือหน่วยซีล นำคณะเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ หน่วยซีล หน่วยกู้ภัย เจ้าหน้าที่ ปภ. พร้อมด้วยมิสเตอร์เวิร์น อันสเวิร์ธ นักสำรวจถ้ำชาวอังกฤษ และผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 35 นาย เริ่มเข้าสำรวจตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.ที่ผ่านมา ทีมสำรวจทั้งหมดได้เดินทางกลับออกมาทางปากถ้ำแล้ว รวมระยะเวลาปฏิบัติการราว 5 ชั่วโมง จากเดิมที่วางแผนไว้ว่าจะใช้เวลาในการสำรวจราว 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากสามารถเข้าไปสำรวจถ้ำหลวง เฉพาะช่วงปากถ้ำ-สามแยกภายในถ้ำ รวมระยะทางประมาณ 3 กม.เท่านั้น ไม่สามารถเข้าไปถึงหาดพัทยา หรือพัทยาบีช รวมถึงเนินนมสาว ซึ่งเป็นจุดที่ 13 หมูป่าฯ เคยใช้หลบภัยน้ำท่วมภายในถ้ำได้
เพราะบริเวณทางเดินจากสามแยกในถ้ำไปทางพัทยาบีชและเนินนมสาวยังคงเต็มไปด้วยตะกอนทราย และมีน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง รวมทั้งออกซิเจนเบาบาง การจะผ่านจุดดังกล่าวไปได้ต้องใช้อุปกรณ์ดำน้ำที่มีความพร้อมเหมือนตอนปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าฯ คณะเจ้าหน้าที่จึงสำรวจไปจนถึงสามแยกภายในถ้ำ และถอนกำลังกลับ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สามารถถ่ายภาพและบันทึกข้อมูลอุปกรณ์ที่คงค้างตามจุดต่างๆ ตั้งแต่ปากถ้ำ-สามแยกภายในถ้ำ ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เสร็จสิ้นด้วยดี ซึ่งพบว่าในโถงที่ 2 มีขวดอัดอากาศวางอยู่ตลอดรายทางรวมประมาณ 100 กว่าถัง นอกจากนี้ยังมีเปลสนาม เชือกที่ใช้สำหรับเชื่อมโยงเส้นทางระหว่างลำเลียง 13 หมูป่าฯ ออกมาตลอดเส้นทาง รวมทั้งพบเครื่องสูบน้ำขนาดต่างๆ ขณะที่โถงที่ 3 นั้นพบขวดอัดอากาศอยู่ราว 100 กว่าถัง และพบสายส่งออกซิเจนมากที่สุด รวมทั้งพบกระดาษฟอยล์ อาหารเพาเวอร์เจล วิทยุสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ใช้สื่อสารกัน เพราะเคยเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่เคยใช้เป็นศูนย์บัญชาการภายในถ้ำด้วย
นายจงคล้ายกล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปสำรวจ-บันทึกข้อมูล รวมทั้งถ่ายภาพวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตั้งแต่ปากถ้ำไปจนถึงสามแยกเอาไว้แล้ว แต่ถ้าจะเข้าไปจนถึงเนินนมสาว หรือจุดทีมหมูป่าฯ ทั้ง 13 คนหนีน้ำไปอยู่คงต้องรออีกประมาณ 1 เดือนเพื่อให้น้ำแห้ง และเตรียมกำลังพล-อุปกรณ์ให้พร้อมก่อน
ด้านพลเรือตรี อาภากรกล่าวว่า การเข้าไปสำรวจถ้ำหลวงครั้งนี้เหมือนการรำลึกถึงความหลังตอนปฏิบัติการเดือน มิ.ย.-ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งสิ่งที่พบภายในถ้ำทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมกันเข้าไปปฏิบัติการ เพราะมีอุปกรณ์ต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเมื่อมองย้อนหลังไปก็ยังสงสัยอยู่ว่าพวกเราขนเข้าไปได้อย่างไร
“การเข้าไปในถ้ำครั้งนี้ถือว่าสะดวกกว่าช่วงปฏิบัติการมาก แต่ถ้าจะเข้าไปลึกกว่านี้ หรือเลยช่วงสามแยกเข้าไปอีกที่มีเครื่องมืออุปกรณ์ที่ตกค้างอยู่คงต้องรอให้ระดับน้ำภายในลดลงกว่านี้ก่อน”
ทั้งนี้ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จะได้นำข้อมูลที่ได้จัดประชุม "คณะทำงานสำรวจ ติดตามและประเมินสถานการณ์ภายในถ้ำเพื่อเก็บกู้ทรัพยากรที่ใช้ในการปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือนักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าอะคาเดมีและผู้ฝึกสอนสูญหาบริเวณวนอุทยานถ้ำหลวงฯ" ณ ห้องประชุม ศาลากลาง จ.เชียงราย ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ เพื่อสรุปผลว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป