xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจ! หนุ่มนักธุรกิจเครื่องสำอางดังเชียงใหม่ทวงความรับผิดชอบ 4 แบงก์ โดนปลอมเช็คสูญ 8 ล้าน (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - หนุ่มนักธุรกิจร้านเครื่องสำอางดังเชียงใหม่เปิดใจหลังโพสต์ทวงถามความรับผิดชอบ 4 ธนาคารดัง กรณีถูกอดีต พนง.บัญชีปลอมเช็ค 63 ใบ เป็นเงินกว่า 8 ล้าน สั่งจ่ายเข้าบัญชีตัวเองและครอบครัว รวมทั้ง จนท.ธนาคาร



จากกรณีที่โซเชียลมีเดียมีการเผยแพร่และวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางหลังจากที่วานนี้ (15 ม.ค.62) ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “อามิตร จาวลา” โพสต์ภาพถ่ายเช็คของธนาคารที่ถูกปลอมแปลงลายเซ็นและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดผู้รับเงิน พร้อมบอกเล่าเรื่องราว และร้องขอความเป็นธรรมว่า ช่วงปลายเดือนกันยายน 2561 ตรวจสอบพบว่าถูกอดีตพนักงานบัญชีของร้านทุจริตด้วยการปลอมแปลงลายเซ็นและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดผู้รับเงินในเช็คของร้านที่เปิดไว้กับธนาคารชื่อดัง 4 แห่ง รวมจำนวน 63 ใบ เป็นจำนวนเงินที่ได้รับความเสียหายรวมทั้งสิ้นกว่า 8 ล้านบาท โดยทุกใบถูกเปลี่ยนชื่อผู้รับเงินเป็นสามี และลูกชายของอดีตพนักงานบัญชีคนดังกล่าว รวมทั้งอดีตพนักงานบัญชีคนนั้นด้วย



ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ได้ติดตามทวงถามความรับผิดชอบจากธนาคารชื่อดังทั้ง 4 แห่ง อย่างต่อเนื่อง เพราะเช็คทุกใบที่ถูกปลอมแปลงลายเซ็นและเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับเงินมีความผิดปกติอย่างชัดเจน แต่ทางธนาคารกลับไม่สังเกตพบหรือตรวจสอบเลย อย่างไรก็ตาม จนถึงล่าสุดยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และไม่มีการแสดงท่าทีรับผิดชอบด้วย จึงมีการโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง



จากการตรวจสอบทราบว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว คือ นายอามิตร จาวลา อายุ 33 ปี นักธุรกิจเจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องสำอางชื่อดังของเชียงใหม่ ที่เปิดเผยว่าตรวจสอบพบครั้งแรกว่าอดีตพนักงานบัญชีของร้านทุจริตเมื่อวันที่ 28 ก.ย.61 เนื่องจากถูกคู่ค้าโทรศัพท์ทวงถามว่ายังไม่ได้รับเงินค่าสินค้า ทั้งที่เช็คของทางร้านได้สั่งจ่ายไปแล้วและเงินถูกตัดบัญชีแล้ว จึงตรวจสอบจนพบว่าอดีตพนักงานบัญชีทำการทุจริตด้วยการปลอมแปลงลายเซ็น และแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับเงินในเช็ค



เช็คทั้งหมด 63 ใบ รวมเป็นเงินกว่า 8 ล้านบาท ทุกใบถูกเปลี่ยนชื่อผู้รับเงินเป็นชื่อสามี ลูกชาย รวมทั้งชื่อของอดีตพนักงานบัญชีรายนั้นด้วย โดยพบว่าแต่ละเดือนในร้านมีการทำธุรกรรมผ่านเช็คนับร้อยใบ อดีตพนักงานบัญชีรายนี้ฉวยโอกาสหยิบเช็คครั้งละ 2-3 ใบ และนำไปแก้ไข ก่อนนำฝากเข้าบัญชีต่างๆ ที่เตรียมไว้เพื่อรับเงินจากธนาคาร 4 แห่ง อีกทั้งยังพบด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่ของธนาคารมีส่วนเกี่ยวข้องให้การสนับสนุน และรับเงินโอนจากเช็คที่อดีตพนักงานบัญชีรายนี้ปลอมแปลงอีกด้วย



หลังจากที่ตรวจสอบพบได้มีการแจ้งความดำเนินคดี พร้อมทั้งติดต่อไปยังธนาคารเพื่อทวงถามความรับผิดชอบ เนื่องจากจำนวนเงินที่ได้รับความเสียหายรวมแล้วมากกว่า 8 ล้านบาท และที่สำคัญก็คือ เช็คทั้งหมดที่มีการปลอมแปลงลายเซ็นและเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับเงินนั้นทุกใบมีความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่น เช็คบางใบมีถึง 3 ลายเซ็นที่หน้าตาไม่เหมือนกันเลย มีการแก้ไขชื่อผู้รับเงินจากนิติบุคคลเป็นบุคคลธรรมดาหรือเปลี่ยนวันที่ โดยที่บางใบมีการเร่งวันที่ให้เร็วขึ้นด้วย เป็นต้น แต่เหตุใดทางธนาคารกลับไม่มีการตรวจสอบหรือสังเกตพบเลย รวมทั้งหากมีข้อสงสัยใดๆ ทำไมจึงไม่สอบถามกลับมาที่ตนเอง





อย่างไรก็ตาม จากการติดตามทวงถามกับทั้ง 4 ธนาคารชื่อดังตลอดช่วงเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา กลับไม่มีความคืบหน้าใดๆ และมีท่าทีที่ไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำคดีอย่างที่ควรจะเป็นด้วย เช่น ขอหลักฐานประกอบสำนวนก็ยังให้ไม่ครบ เป็นต้น ทั้งๆ ที่ธุรกิจของครอบครัวตนเองเป็นลูกค้าของธนาคารมานานหลายสิบปี


นายอามิตร บอกด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ตนตกอยู่ในความเครียดอย่างมากจนนอนไม่หลับและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตปกติ ทำให้ต้องพบแพทย์และกินยาคลายเครียด นอกจากนี้ กรณีที่เกิดขึ้นยังส่งผลกระทบต่อการขาดสภาพคล่องในการทำธุรกิจของตนเองด้วย อย่างไรก็ตาม ยังถือว่าโชคดีและต้องขอบคุณที่ทางบริษัทคู่ค้าต่างๆ เข้าใจกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นและให้ความช่วยเหลือในเรื่องของการขยายระยะเวลาการชำระค่าสินค้าออกไปก่อน รวมทั้งยังให้สั่งสินค้าได้เช่นเดิม

เรื่องราวที่ตนนำมาโพสต์ลงในโซเชียลมีเดียนั้น เหตุผลเพราะต้องการจะให้กรณีนี้เป็นกรณีตัวอย่าง และเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้คนเพื่อให้ระมัดระวังรอบคอบและป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก รวมทั้งต้องการร้องขอความเป็นธรรมและทวงถามความรับผิดชอบจากธนาคารชื่อดังทั้ง 4 แห่งด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น