อุบลราชธานี - ทุกภาคส่วนพร้อมใจยื่นมือช่วย “น้องแป้ง” นักเรียนดีกรีแชมป์เหรียญทองวิชาการชั้น ม.4 แต่ฐานะยากจน มีโอกาสเรียนต่อระดับปริญญาตรีคณะครุศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ หวังเป็นครูสอนเด็กชายแดน ยันจะไม่ทำให้ผู้ใจบุญทุกคนผิดหวัง
จากกรณีนางสาวพัชราภรณ์ มนตรี หรือน้องแป้ง อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสวายน้อยวิทยา อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสงเคราะห์เด็กยากจน ที่ต้องการเรียนหนังสือ ตั้งอยู่ชายแดนไทย-ลาว-กัมพูชา โดยนางสาวพัชราภรณ์เป็นเด็กเรียนดี ผลการเรียนเฉลี่ย 3.78 พร้อมมีความสามารถเป็นแชมป์เหรียญทองการแข่งขันทักษะวิชาการภาษาอังกฤษและอื่นๆ ระดับประเทศหลายรายการ
แต่ทางบ้านมีฐานะยากจนกว่านักเรียนอีกหลายๆ คน ต้องอาศัยกินข้าวเที่ยงกับโรงเรียนเป็นประจำ และบอกกับครูที่สอนอยากได้ของขวัญในวันเด็ก คือได้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี เพราะตากับยายมีรายได้เพียงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เบี้ยยังชีพคนชรา และรับจ้างตัดอ้อยหรือสานหวดนึ่งข้าวเหนียวไปแลกข้าว ไม่มีกำลังส่งให้นางสาวพัชราภรณ์เรียนต่อตามที่ฝันอยากเรียนจบออกมาเป็นครูภาษาอังกฤษสอนเด็กตามแนวชายแดนตามที่เสนอข่าวไปนั้น
ล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค. 62) นางสาวนันทิกานต์ ศิริบุตร ครูแนะแนวการศึกษาของโรงเรียนวัดสวายน้อยวิทยา เปิดเผยเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่ของลูกศิษย์รายนี้ว่า หลังจากที่สื่อมวลชนหลายสำนัก พร้อมใจเสนอเรื่องราวชีวิตลำเค็ญและความตั้งใจของนางสาวพัชราภรณ์ หรือน้องแป้ง มนตรี ออกสู่สังคมนั้น ปรากฏว่ามีผู้ใจบุญจากทั่วประเทศแสดงความจำนงให้การช่วยเหลือน้องแป้ง โดยร่วมกันบริจาคเงินมาให้แล้วกว่า 5.8 แสนบาท เพื่อให้น้องแป้งใช้เป็นทุนระหว่างเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายถึงระดับปริญญาตรีตามฝันของเด็กคนนี้
นอกจากนี้ ยังมีผู้บริจาคบางรายแสดงความประสงค์บริจาคเงินให้สร้างห้องน้ำห้องส้วมให้น้องแป้ง เพราะที่ผ่านมาน้องแป้งต้องสวมผ้าถุงยืนอาบน้ำกลางแจ้งเนื่องจากไม่มีห้องน้ำ ทั้งยังมีผู้ใจบุญแสดงความจำนงโอนเงินมาเป็นทุนให้สร้างบ้านให้น้องแป้งรวมทั้งตาและยาย เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่เป็นเพียงเพิงหมาแหงน ส่วนที่พักของน้องแป้งก็ใช้สังกะสีล้อมรอบไม่มีทั้งประตูและหน้าต่าง เป็นห้องแคบๆ ขนาด 2 คูณ 2 เมตร สูงเพียงเมตรเศษๆ เท่านั้น
หลังจากน้องแป้งรับทราบรายละเอียดของผู้ใจบุญที่ส่งกำลังใจมาช่วยเหลือเพื่อส่งให้น้องได้เรียนต่อจนจบระดับปริญญาตรี และอยากให้น้องแป้งมีบ้านอยู่ตามอัตภาพ สร้างความดีใจให้แก่น้องแป้งอย่างมาก จากที่เคยเป็นคนที่มีใบหน้าครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ อยู่ตลอดเวลา ก็มีสีหน้าแจ่มใสร่าเริงเหมือนเด็กวัยนี้ทั่วไป พร้อมบอกว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่น้องแป้งคิดไม่ถึงจะมีผู้ใจบุญจากทั่วประเทศส่งกำลังใจมาช่วยเหลือให้ได้เรียนต่อปริญญาตรีตามที่เคยวาดฝันเอาไว้
ล่าสุดนายสมชัย บูรณะ นายอำเภอน้ำยืน พร้อมคณะเหล่ากาชาดอำเภอน้ำยืน เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เจ้าหน้าที่จากองค์การบริหารส่วนตำบลตูม อ.นาจะหลวย ได้มอบเงินทุนใช้ในการศึกษาให้เบื้องต้น พร้อมสำรวจความเป็นอยู่ เพื่อให้ความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยแก่ครอบครัวของน้องแป้ง
ภายหลังนายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ทราบเรื่องได้สั่งการให้อำเภอนาจะหลวย และอำเภอน้ำยืนเข้าช่วยเหลือ โดยอำเภอนาจะหลวยจะร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ สร้างบ้านที่อยู่อาศัยให้กับน้องแป้งและครอบครัว สำหรับด้านการศึกษามอบให้อำเภอน้ำยืนร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 29 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานมอบทุนการศึกษาให้น้องแป้งจนเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
หลังจากนั้นให้หาทุนการศึกษาต่อเนื่องให้น้องแป้งได้ศึกษาจนจบเป็นครูตามที่น้องตั้งใจ ส่วนของอำเภอน้ำยืนได้เริ่มดำเนินการโดยพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ช่วยเหลือนำเรื่องเข้าสู่กองทุนคุ้มครองเด็ก และกองทุนเพื่อพัฒนาอาชีพอีกปีละ 5,000 บาท
ด้านนายถาวร คูนิรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อุบลราชธานี เขต 5 กล่าวว่า ได้รับการสั่งการจาก นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้หาทางช่วยเหลือนางสาวพัชราภรณ์ หรือน้องแป้ง พร้อมทราบว่าหลังสื่อมวลชนนำเสนอสภาพชีวิตความเป็นอยู่และความตั้งใจของเด็กคนนี้ กระทรวงศึกษาธิการก็ได้รับการประสานจากนายกุลวุฒิ วนาสวัสดิ์ เจ้าของบริษัท แอตแลนติค ฟาร์มาซูติคอล จำกัด และ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ เจ้าของเฉาก๊วยชากังราว จังหวัดกำแพงเพชร
ยินดีมอบเงินเป็นทุนการศึกษาระดับปริญญาตรีให้แก่น้องแป้งจนกว่าจะจบการศึกษาเป็นเวลา 5 ปี เพื่อทำฝันของเด็กคนนี้ที่ต้องการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้แก่เด็กนักเรียนตามแนวชายแดนได้เป็นความจริง เพราะน้องแป้งเชื่อว่าภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาสากลจะช่วยให้เด็กด้อยโอกาสเช่นเดียวกันกับน้องแป้งมีโอกาสได้งานทำดีๆ เมื่อจบการศึกษาไปแล้ว
ด้านนางสาวพัชราภรณ์ หรือน้องแป้ง ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มผิดจากวันแรกที่ได้พบ โดยบอกว่า หลังทราบเรื่องรู้สึกดีใจอย่างมากที่มีโอกาสได้เรียนต่อตามความฝันที่เคยหวังเอาไว้ และจะได้จบออกมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ โดยขอให้สัญญากับผู้ใจบุญทุกท่านที่ให้โอกาสกับเธอครั้งนี้ จะตั้งใจเรียนให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ส่วนเงินที่ได้รับมาทั้งหมดจะใช้จ่ายอย่างประหยัด เพราะเป็นโอกาสเดียวที่ได้รับในชีวิต และจะไม่ทำให้ผู้มีพระคุณทั้งประเทศผิดหวัง
ด้านนางแสงจันทร์ สังสุ อายุ 62 ปี ผู้เป็นยายของน้องแป้ง กล่าวว่า ตนรู้สึกดีใจ ภูมิใจที่น้องแป้งจะได้เรียนต่อ เพราะน้องแป้งเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่มาตลอด และขอบพระคุณผู้ใจดีทุกท่านที่ให้การช่วยเหลือหลานสาวครั้งนี้