ปราจีนบุรี - หนุ่มใหญ่สุดงง ถูกสรรพากรปราจีนฯ เรียกเก็บภาษีเกือบ 500 ล้านบาท ทั้งที่มีฐานะยากจนและมีเพียงอาชีพรับจ้างที่มีรายได้เพียงแค่ 500 บาทต่อวัน ซ้ำยังมีชื่อเป็นกรรมการบริหารบริษัทแห่งหนึ่ง จนถูกหมายจับ สภ.ประจันตคาม
วันนี้ (14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายไพบูลย์ ศรีทอง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/40 หมู่ 1 ต.บ้านหอย อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ว่า กำลังได้รับความเดือดร้อนจากการได้รับหนังสือแจ้งเตือนให้นำเงินภาษีอากรค้างชำระ ซึ่งสรรพากรพื้นที่ปราจีนบุรี เรียกเก็บภาษี จำนวน 3 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวนกว่า 483 ล้านบาท และในใบแจ้งเตือนยังระบุว่า สรรพากรจะดำเนินคดีอาญา
และจากการลงพื้นที่ไปยังบ้านของ นายไพบูลย์ พบว่า มีสภาพเป็นเพียงบ้านคอนกรีตชั้นเดียวที่ยังสร้างไม่เสร็จ บนเนื้อที่ประมาณ 2 งานเศษ และด้านข้างมีเพิงหมาแหงน ที่ปลูกสร้างโดยใช้ไม้ยูคาลิปตัสเป็นเสา ล้อมด้วยผ้าพลาสติก จึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจหรือสร้างรายได้มหาศาลจนต้องเสียภาษีจำนวนดังกล่าว
จากการสอบถาม นายไพบูลย์ ทราบว่า บ้านที่กำลังปลูกสร้างเป็นเพียงบ้านเอื้ออาทร ที่องค์การบริหารส่วนตำบลในพื้นที่สร้างให้สำหรับผู้ยากไร้ ซึ่งภายในบ้านมีเพียงที่นอน ส่วนด้านข้างต่อเติมเป็นครัวเท่านั้น ที่สำคัญตนเองยังมีฐานะยากจน และมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ซ้ำยังต้องเลี้ยงดูภรรยา บุตร แม่ และหลานๆ ที่อยู่รวมกันถึง 5 ครอบครัว
ทั้งนี้ นายไพบูลย์ ยังได้นำหลักฐานที่สรรพากรปราจีนบุรี เรียกเก็บภาษีให้แก่ผู้สื่อข่าวดู พบว่า เป็นการแจ้งเตือนให้กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาแทน เฟอร์นิเจอร์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 63 หมู่ 2 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี นำเงินภาษีอากรค้างชำระมาจ่ายแก่สรรพากร พร้อมแจ้งว่ากรรมการบริษัทดังกล่าวค้างค่าภาษีอากร ตั้งแต่เดือน ส.ค.2553 พ.ย.2557 ม.ค.2559 พ.ค.2559 และ ธ.ค.2559 รวมเป็นเงินกว่า 355.71 ล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีหนังสือเตือนให้นำเงินภาษีอากรค้างชำระจากสรรพากรพื้นที่ปราจีนบุรี ลงวันที่ 9 ต.ค.2561 ให้นำเงินภาษีค้างชำระ จำนวนกว่า 483 ล้านบาท มาจ่ายด้วย และยังมีหมายเรียกผู้ต้องหา ครั้งที่ 1 ออกโดย สภ.ประจันตคาม ลงวันที่ 1 ต.ค.2561 ระหว่างกรมสรรพากร ที่กล่าวหาตนเอง พร้อมภรรยาและบุตรอีกด้วย ซึ่งตนเองขอยืนยันว่า ไม่เคยเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท มาแทนเฟอร์นิเจอร์ จำกัด แต่อย่างใด
“สาเหตุที่ถูกเรียกเก็บภาษีและถูกหมายเรียกคดีอาญา เชื่อว่าน่าจะมีผู้นำหลักฐานส่วนตัวไปใช้ประโยชน์ โดยที่ไม่ทราบเรื่องมาก่อน จึงร้องขอความเป็นธรรมต่อทางสื่อมวลชน ให้ช่วย เพราะที่ผ่านมา ตั้งแต่ถูกเรียกเก็บภาษีมหาศาลนั้น ได้เคยไปแจ้งความร้องทุกข์ต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ เพราะหน่วยงานต่างๆ อ้างแต่เพียงว่าต้องทำตามหน้าที่เท่านั้น”
ด้าน พ.ต.ท.อาทิตย์ ศรีปราชญ์ พนักงานสอบสวน สภ.ประจันตคาม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หลังได้รับการแจ้งความจากเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่ปราจีนบุรี ก็ได้ออกหมายเรียก นายไพบูลย์ ศรีทอง มาทำการสอบสวน ซึ่งเจ้าตัวให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อกล่าวหา 2 ข้อ คือ ไม่ยื่นแสดงภาษี และหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร และจะสรุปสำนวนส่งฟ้องต่อไป
