xs
xsm
sm
md
lg

วอนผู้มีอำนาจลงพื้นที่แก้ปัญหาช้างป่าทองผาภูมิจริงจัง หลังมีพฤติกรรมเปลี่ยน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กาญจนบุรี - ผอ.ร.ร.อัดคลิปลงยูทูป วอนผู้มีอำนาจลงพื้นที่แก้ไขปัญหาช้างป่าทองผาภูมิอย่างจริงจัง หลังมีพฤติกรรมเปลี่ยน เริ่มไม่กลัวคน พร้อมชูการแก้ปัญหาช้างป่าแก่งหางแมว เป็นโมเดล

วันนี้ (6 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปฐม แหนกลาง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากลำห้วยปิล็อก ต.ท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ได้ทำการถ่ายคลิปช้างป่าทองผาภูมิที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป แล้วโพสต์ลงในยูทูป ความยาวกว่า 10 นาที พร้อมอธิบายว่า บริเวณที่พบช้างป่าคือ บริเวณพื้นที่บ้านผาอ้น หมู่ 3 ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเมื่อวันที่ 4 มกราคม 62 ตนและทีมงานจิตอาสาเฝ้าระวังช้างป่า

โดยจากการติดตามดูพฤติกรรมของช้างป่า พบว่า มีพฤติกรรม หรือมีนิสัยที่เปลี่ยนไป อันที่จริงแล้วช้างป่าทองผาภูมิ ปัจจุบันนี้มีอยู่ประมาณ 80 ตัว แต่ในระยะประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ช้างป่าได้มีการคลอดลูกออกมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งคืนที่ผ่านมา มีช้างป่าคลอดลูกออกมา 1 ตัว และวันก่อนหน้านั้นคลอดออกมาอีก 1 ตัว ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วในเดือนนี้ มีช้างป่าที่คลอดใหม่ประมาณ 10 ตัว

แต่ที่น่าสังเกต คือ ช้างที่พบในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นช้างตัวเมีย และเป็นช้างตัวเล็กที่มีอายุไม่มากนัก คือ ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงอายุประมาณ 3 ปี จะมีช้างตัวใหญ่อยู่บ้าง นั่นคือ เจ้าด่าง และเจ้างา ซึ่งเป็นจ่าฝูง สำหรับเจ้าด่างนั้น เป็นครูของช้างป่าทองผาภูมิ จากการที่ได้ดูตั้งแต่เริ่มแรก จะมีเจ้าหูรู เจ้างา และเจ้าหน้าบาก เดินตามเจ้าด่างอยู่ สำหรับเจ้างา จะเป็นช้างตัวใหญ่ที่นิ่งมาก แต่ถ้าหากได้ไล่แล้วก็จะไล่เป็นระยะทางที่ไกลมาก สำหรับช้างที่อาศัยหากินอยู่บริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นช้างตัวเมียมากกว่า ส่วนตัวผู้นั้นมีจำนวนน้อย และก็เป็นลูกอ่อน

แต่ที่สังเกตพบอีกอย่างหนึ่งคือ ช้างโขลงนี้ไม่มีช้าง “แม่แปลก” แสดงว่าช้างแม่แปลกตัวนั้นไปอยู่ที่โขลงอื่นแล้ว ปัจจุบัน ช้างโขลงนี้ได้ลงมาหากินติดกับบ้านผาอ้น พฤติกรรมอีกอย่างที่เปลี่ยนไปของช้างป่า เราจะสังเกตว่าช้างชุดนี้เริ่มจะไม่กลัวคน ถึงแม้จะมีคนอยู่ก็จะเดินผ่านลงมา คล้ายๆ กับนิสัยของช้างป่าเขาใหญ่ และช้างป่าที่อยู่แก่งหางแมว จ.จันทบุรี

สำหรับเรื่องของการเฝ้าระวังและการผลักดันช้างป่า จากการที่ได้ติดตามมาหลายปี รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของช้างป่าในปัจจุบัน พอจะบอกได้ว่า การเฝ้าระวังจะเป็นเพียงแค่ครั้งคราว หรือเป็นวันๆ ไป นั่นคือ การผลักดันได้ผลเป็นวันๆ ไป หรือบางครั้งอาจจะไม่ได้ผลเลย

เนื่องจากช้างมีพฤติกรรมเริ่มไม่กลัวคน จะสังเกตได้ว่า บริเวณริมถนนมีรถของชุดเฝ้าระวัง และรถที่วิ่งผ่านไปมานั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ช้างยังเดินผ่านหน้าลงมาได้ อันนี้คือสิ่งหนึ่งที่ทำให้มองว่า การเฝ้าระวัง หรือการผลักดันนั้นมันไม่ได้ผล

ดังนั้น ในความคิดเห็นส่วนตัว ควรจะมีหน่วยงานภาครัฐลงมาดูแลอย่างจริงจัง อย่างเช่น บริเวณที่ช้างป่าอาศัยอยู่ตรงนี้ มันเป็นพื้นที่ของศูนย์วนวัฒน์วิจัย ฝั่งตรงข้ามเป็นไร่มันสำปะหลัง ไร่ข้าวโพดของราษฎร ช่วงนี้ถ้ามีการลงมาดูแลอย่างจริงจัง เช่น หากช้างป่าลงมากินและทำลายพืชไร่ ให้คิดคำนวณความเสียหายให้แก่ประชาชนว่า แต่ละครัวเรือนมีพื้นที่กี่ไร่ที่ได้รับความเสียหาย หน่วยงานนั้นก็น่าจะจ่ายค่าชดเชยให้แก่ราษฎร อย่างน้อย 50% ของมูลค่าความเสียหาย สมมติว่า ผลผลิตที่ประชาชนจะได้รับประมาณไร่ละ 10,000 บาท ให้จ่าย 5,000 บาท เป็นต้น

ซึ่งยังดีกว่าที่ไม่ทำอะไรเลย เพราะอย่างน้อย ราษฎรจะไม่ถึงกับหมดเนื้อหมดตัว เพราะการลงทุนนั้นต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก เดิมทีพื้นที่บริเวณนี้ไม่เคยมีช้างป่ามาก่อน แต่เกิดจากการที่เราผลักดันกันไปผลักดันกันมา ส่วนหนึ่งเลยทำให้ช้างค้นพบแหล่งอาหารแห่งใหม่ จึงทำให้เกิดวงรอบในการหากินใหม่

หรืออีกกรณีหนึ่ง ช้างป่าเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะว่าในแต่ละปีช้างโขลงนี้จะคลอดลูกไม่น้อยกว่า 10-12 ตัว ดังนั้น ในเมื่อปริมาณช้างเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งช้างวัยรุ่นเริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาวเพิ่มมากขึ้น จึงมีความจำเป็นต้องแยกโขลงออกไป ซึ่งอาจจะมีโขลงละ12 ตัว หรือ 20-30 ตัวโดยประมาณ

อย่างเช่น เจ้างา เดิมทีจะมีลูกทีมอยู่ประมาณ 12 ตัว แต่ปัจจุบัน เจ้างามีลูกทีมอยู่ประมาณ 30-50 ตัว ส่วนเจ้าหูรู ก็จะเป็นช้างอีกในลักษณะหนึ่งที่ไม่ค่อยชอบอยู่กับพวก แต่จะมีเจ้าหน้าบาก เจ้าช้างน้อย และเจ้าจ้อย ที่จะเดินหากินอยู่ด้วยกัน 4 ตัว

และชอบออกไปหากินอยู่ในหมู่บ้านในเวลากลางคืน โดยจะเดินเข้าไปหากิน ตามบ้านคน และเดินไปมาอยู่บนถนนลาดยาง ตามแสงไฟ จนเกิดความเคยชิน ดังนั้น เมื่อมองกันดีๆ แล้ว ควรจะมีหน่วยงานที่สามารถจะตัดสินใจได้ลงมาช่วยและพูดคุยกันกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ และหาแนวทางในการแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อให้คนอยู่ได้ ช้างก็อยู่ได้

ยกตัวอย่างเช่น ช้างป่าที่อยู่พื้นที่ อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี รู้สึกว่าจะแก้ปัญหาประสบผลสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง ในการจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทำให้มีรายได้เข้ามาเป็นกอบเป็นกำ ชาวบ้านไม่ได้เกลียดช้าง มีการทำโฮมสเตย์ ให้นักท่องเที่ยวได้พักได้เที่ยวชมช้าง ซึ่งตรงนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ดีถ้ามีการลงมาพูดคุยกัน

แต่ถ้าจะปล่อยให้ราษฎรทำกันเอง ช่วยผลักดันกันไปในแต่ละวัน และต้องออกค่าใช้จ่ายกันเองจะเกิดการสิ้นเปลือง เพราะต้องหาซื้อระเบิดปิงปอง ซื้อน้ำมันรถ ค่าเสบียงอาหาร และอีกทั้งเป็นการผลักดันช้างป่าที่ไม่ถูกวิธี จึงทำให้ช้างป่าถูก ทำร้ายได้รับบาดเจ็บ และล้มตายไป จึงเกิดการสูญเสียซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่ควรให้มันเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกับคน หรือกับช้างก็ดี

จึงอยากให้ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจลงมาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง เพราะลำพังชาวบ้านคงจะแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ ซึ่งคนที่จะแก้ไขปัญหาช้างป่าได้นั้น มันจะต้องมีอะไรที่เหนือกว่าช้าง ใหญ่กว่าช้างเพราะช้างเป็นสัตว์ที่มีกฎหมายคุ้มครอง แต่คนไม่ได้มีกฎหมายคุ้มครองจากสัตว์ป่า มันจึงทำอะไรได้อย่างลำบาก ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศพม่า เขาจะยิงทิ้งเลย ถ้าช้างป่าเข้าไปในหมู่บ้าน โดยเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ช้างป่าโดนยิงทิ้งเกลื่อนหมู่บ้าน แต่ว่ามันก็เป็นกฎหมายของแต่ละประเทศ

ที่ผ่านมาในอดีต ช้างโขลงนี้เคยเดินข้ามไปฝั่งประเทศพม่าเช่นกัน แต่ปัจจุบัน ไม่ข้ามไปฝั่งพม่าแล้ว เพราะโดยสัญชาตญาณของช้าง เขาสามารถรับรู้ได้ว่า ถ้าหากข้ามไปฝั่งประเทศพม่า เขาอาจจะสูญเสียพลเมืองของช้างป่าเขาเอง ดังนั้น ช้างจึงพยายามขยับเข้ามาอยู่ในจุดที่คิดว่าปลอดภัย แต่มาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชุมชนในระดับหนึ่ง

ปกติในช่วงเดือนนี้ ช้างกลุ่มนี้จะไปอาศัยและหากินอยู่ในสวนป่าทองผาภูมิ แต่เนื่องจากสวนป่าทองผาภูมิ ในปัจจุบันนี้ไม่อนุญาตให้ราษฎรเข้าไปทำพืชการเกษตร แต่ว่ามีกลุ่มที่เข้าไปเลี้ยงวัวอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ช้างไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ช้างจึงอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ตำบลท่าขนุน อำเภอทองผาภูมิเสียส่วนใหญ่ ซึ่งสิ่งนี้เป็นอีกปัญหาหนึ่ง

ถ้าเป็นไปได้ควรมาจับมือพูดคุยกันในระดับที่สามารถผลักดันนโยบายได้ ผู้หลักผู้ใหญ่ก็ควรจะลงมาดูแล ลำพังเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เพียงไม่กี่คนที่อยู่ที่หน่วยคงจะช่วยอะไรไม่ได้มากนัก รวมทั้งชาวบ้านที่ออกมาเฝ้าทุกวัน ทำอะไรมากไม่ได้เช่นกัน อันนี้เป็นสิ่งที่อันตรายอีกอย่างหนึ่ง

เมื่อมีการบริหารจัดการที่ดี คาดว่ามันจะดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ อยากจะฝากไปถึงผู้ที่มีอำนาจพอที่จะแก้ไขได้ ช่วยกันลงมาดูแลสักนิดก็ยังดี ยังดีกว่าที่จะปล่อยให้เหตุการณ์มันผ่านไปวันๆ




กำลังโหลดความคิดเห็น