เชียงราย - ส่อป่วนแล้ว..หลังนักท่องเที่ยวทั่วทิศแห่เที่ยว “ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” จนล้นทะลัก เจ้าของที่ป่าสงวนฯ ติดถ้ำ ยันติดเขาและหน้าผา แห่ปักป้ายแสดงสิทธิ บางรายขาย-ให้เช่าเปิดร้านกันเพียบ
วันนี้ (3 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก “ถ้ำหลวง” วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีผู้คนจากทั่วสารทิศทั้งไทยและต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวกันอย่างคับคั่งเพื่อย้อนรอยปฏิบัติการกูภัยระดับโลก-ช่วยเหลือ 13 นักเตะและโค้ชทีมหมูป่า อะคาเดมีติดถ้ำ
ล่าสุดบรรดาผู้จับจองที่ดินติดทางเข้าถ้ำหลวงทั้ง 2 ฝั่ง ที่เคยใช้ปลูกพืชผลทางการเกษตร เช่น ข้าวโพด สับปะรด ฯลฯ หันมาสร้างเพิงไม้ไผ่เปิดให้ร้านจำหน่ายสินค้าต่างๆ กันหลายราย จากเดิมร้านค้าเหล่านี้เริ่มตั้งกันบริเวณถนนสายขุนน้ำนางนอน-ปากทางถ้ำหลวง-ดอยผาหมีเท่านั้น
โดยบางรายมีการติดป้าย “ห้ามบุกรุก ที่ส่วนบุคคล ไม่เช่นนั้นจะถูกดำเนินคดี” พร้อมเปิดให้จองเช่าเพื่อให้ผู้สนใจเข้าไปเปิดร้านจำหน่ายสินค้าด้วย นอกจากนี้ พื้นที่ติดภูเขา-หน้าผาก็มีคนเข้าไปจับจองนำสิ่งของเครื่องใช้ จักรยานยนต์ ฯลฯ ไปไว้เหมือนจะจับจองเป็นที่อยู่ระยะยาวด้วย
ด้านนายสมศักดิ์ คณาคำ นายอำเภอแม่สาย จ.เชียงราย กล่าวว่าพื้นที่บริเวณถ้ำหลวง ทั้งหมดประมาณ 5,000 ไร่ ถือเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ และอยู่ภายใต้การดูแลของโครงการพัฒนาดอยตุงฯ ซึ่งมีการอนุญาตให้ประชาชนกลุ่มชาติพันธุ์จากบ้านผาหมีที่อยู่ข้างเคียงเข้าไปจับจองเพื่อทำกินได้ในบางส่วน โดยที่ผ่านมาไม่มีการเก็บค่าเช่าใดๆ อย่างไรก็ตาม พบว่าภายหลังได้มีผู้ที่เข้าไปทำกินบางราย นำพื้นที่บางส่วนขายสิทธิ์ให้กับบุคคลอื่น ทำให้มีสภาพเหมือนในปัจจุบัน
นายสมศักดิ์กล่าวว่า การจับจองพื้นที่เพื่อเปิดร้านค้าอาจเกิดจากความเห็นแก่ตัว และพยายามจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จนเกินไป ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้คณะทำงานถ้ำหลวงที่มีนายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธาน ก็ได้มีมติให้จัดสถานที่เพื่อเปิดให้มีตลาดชุมชนของชาวบ้านอยู่พื้นที่ใกล้เคียง เช่น หนองน้ำพุ ฯลฯ เพราะพื้นที่ที่ติดกับถนนทางไปถ้ำหลวง หากมีการสร้างเป็นเพิงไม้ไผ่ก็จะบดบังความสวยงามของธรรมชาติ และต่อมายังมีการล้อมรั้วลวดหนามทั้ง 2 ฝั่งถนนอีก จึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ดังนั้นจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขต่อไป