ศูนย์ข่าวเชียงใหม่/รัฐฉาน – คิดแล้วตกเม็ดละไม่เกิน 1.20-1.40 บาทเท่านั้น..การข่าวชี้ชัด กองทัพว้าเหนือ-ใต้ ปั๊มยาบ้าชั่งกิโลฯขายให้เครือข่ายตีตรา-ขนขายไทย/ส่งต่อ ปท.ที่ 3 ทำยานรกทะลักเข้าชายแดนเชียงใหม่-เชียงราย นับร้อยล้านเม็ด ไอซ์-เฮโรอีนอีกมหาศาล
ต้องยอมรับว่า..สถานการณ์ยาเสพติด นับวันจะรุนแรงมากขึ้น โดยไม่มีแนวโน้มลดลง พื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงราย ถูกใช้เป็นทางผ่าน ขนลำเลียงทั้งยาบ้า-เฮโรอีน-ไอซ์ เข้าพื้นที่ชั้นในของไทย-ส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 กันอย่างมโหฬารมหาศาล
หนึ่งนั้นเนื่องเพราะ แหล่งผลิต ยังคงมีอยู่พื้นที่อิทธิพลของชนกลุ่มน้อย ที่มีข้อตกลงในการปกครองตัวเองในเขตรัฐฉาน ประเทศเมียนมา ด้านที่ติดกับเชียงราย-เชียงใหม่ เป็นสำคัญ กลุ่มใหญ่ๆคือกลุ่มว้า มูเซอ ม้ง ไทใหญ่ ฯลฯ
ซึ่งจากรายงานการข่าวเกือบทุกหน่วยงาน บ่งชี้ว่าพื้นที่การผลิตยาเสพติดอยู่ในเขตปกครองพิเศษที่ 2 (สหรัฐว้า) ที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ว้าเหนือ-ติดกับ สป.จีน และว้าใต้-ติดกับภาคเหนือของไทย โดยเฉพาะเชียงราย-เชียงใหม่ ส่วนกลุ่มอื่นๆ จะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจหรือรับจ้างขน ปัจจุบันโรงงานผลิตยาเสพติดที่ขึ้นชื่อในเขตว้าเหนือ ยังคงอยู่ในเขตอิทธิพลของเมืองปางซาง เมืองเอกของสหรัฐว้าและเมืองอื่นๆ ส่วนว้าใต้นั้น มีเมืองยอนเป็นศูนย์กลาง
แต่ก็มีกลุ่มต่างๆ ที่อยู่ร่วมกันในเขตอิทธิพลและมีประวัติในการผลิตยาเสพติดเพื่อส่งออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเขตบ้านปูนาโก่ (หัวน้ำสาย) เขตเมืองตูม จ.เมืองสาด ห่างจากบ้านม้งแปดหลัง ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย ไปทางทิศเหนือประมาณ 20 กิโลเมตร โรงงานกลุ่มนี้ผลิตและส่งยาเสพติดเข้ามาหลายช่องทางตามแนวชายแดนเชียงใหม่-เชียงราย มีเครือข่ายอยู่หลายกลุ่ม เช่น กลุ่มอาแมชาวอาข่า , กลุ่มจะงอย , จะลอโบ่ , ยี่เซ ชาวมูเซอ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีโรงงานผลิตที่อยู่ในเขตรัฐฉาน ที่อยู่ในเขตอิทธิพลของเขตปกครองพิเศษอื่นๆ ซึ่งรับยาเสพติดมาจากเขตว้าเหนือ-ว้าใต้ มาประทับตราใหม่แล้วขนเข้าชายแดนไทย เช่น ในเขตพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติในเขตปกครองพิเศษที่ 4 (ไทใหญ่) ที่ใช้แม่น้ำโขงและเขต สปป.ลาว ในการขนส่ง ฯลฯ
ซึ่งด้วยการที่ทั้งหมดอยู่นอกเขตปกครองของรัฐบาลประเทศเมียนมาโดยตรงทำให้ความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-เมียนมา ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในอนุภูมิภาคนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากแม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลและทหารเมียนมาจะแสดงความจริงใจในความร่วมมือกันอยู่เนืองๆ ก็ตาม
ทั้งนี้ “กลุ่มว้าเหนือ” ถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการผลิตเม็ดยาบ้าที่มีความเข้มข้นมากกว่าว้าใต้ โดยอาจเป็นเพราะสามารถนำเข้าสารเคมีที่ใช้ในการผลิตได้มากกว่า ทำให้เม็ดยาที่ได้มาจะมีสีชมพูเข้มกว่า และมักจะใช้ตราประทับที่ห่อประจำ เช่น Y1 ฯลฯ ส่วนของ “ว้าใต้”จะมีสีจางกว่าและใช้ตราประทับประจำ เช่น 999 ฯลฯ แม้ว่าจะมีการปรับซองเป็นจากซองภายในสีฟ้าเป็นสีดำรูปแเอปเปิ้ลหรือมีตราประทับอื่นๆ บนห่อแต่มาตรฐานในภาพรวมยังคงมีอยู่ 2 เกรดดังกล่าวและรูปลักษณ์ของเม็ดยารวมทั้งการบรรจุหีบห่อก็เหมือนจะถอดแบบมาจากแม่พิมพ์เดียวกันด้วย
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า ต้นทุนการผลิตที่ต่ำลงมาก ประกอบกับมีความต้องการในตลาดสูง ทำให้ในปัจจุบันกลุ่มผู้ผลิตได้ยกห่อยาบ้าใส่กระสอบมาจำหน่ายให้กลุ่มผู้ซื้อในเขตรัฐฉานเป็นกิโลกรัม โดยที่ห่อจะไม่มีตราประทับใดๆ เมื่อผู้ซื้อได้สินค้าไปแล้วจะมีตราประทับของกลุ่มตนเอง ทำให้ที่ผ่านมาพบตราประทับหลากหลาย เช่น Y1 999 111 ดวงดาว ตรามือจับกัน ฯลฯ
ว่ากันว่าราคาซื้อขายยาบ้าในเขตรัฐฉานนั้น เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 120,000-140,000 บาทเท่านั้น โดยแต่ละกิโลฯจะมีปริมาณยาบ้าประมาณ 90,000-100,000 เม็ด ส่วนใหญ่ชั่งครั้งละ 10 กิโลฯเพื่อให้ได้ราคา 1,200,000-1,400,000 บาท คิดแล้วตกเม็ดละเพียงประมาณ 1.20-1.40 บาทเท่านั้น แต่หากเป็นยาบ้าจากว้าเหนือ ก็จะมีราคาสูงกว่าจากแหล่งว้าใต้
เมื่อขนย้ายเข้ามาตามชายแดน จนถึงแหล่งพักในไทย ก็จะมีราคาเฉลี่ยเพิ่มเป็นเม็ดละ 4-5 บาท เพราะต้องบวกค่าบรรจุหีบห่อ ซึ่งมักนิยมนำใส่กระสอบฟาง ติดสายป่านพร้อมแบกใส่หลังแบบกระเป๋าเป้ ค่ากองกำลังคุ้มกัน ฯลฯ และยังคิดค่าขนลำเลียงเฉลี่ยเม็ดละประมาณ 1.50-2.25 บาทแล้วแต่ปลายทางว่ายากลำบากมากน้อยเพียงใด และบางจุดต้องเสียค่าผ่านทางให้กับกลุ่มอื่นๆ ที่มีอิทธิพลในพื้นที่นั้นๆด้วย
เช่น ในอดีตยาเสพติดที่ผ่านเขตของนายหน่อคำ อดีตหัวหน้ากองกำลังติดอาวุธลุ่มแม่น้ำโขง ที่ถูกทางการจีนประหารชีวิตไปแล้ว หลังก่อเหตุปล้นฆ่าเรือจีน สมัยนั้นจะเสียค่าผ่านทางอีกเม็ดละ 1 บาท ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ยาเสพติดส่วนใหญ่จึงไม่ขนลงทางรัฐภาคตะวันออกของประเทศเมียนมา เพื่อนำเข้าสู่ภาคตะวันตกของไทยมากนัก เพราะมีกองกำลังอื่นๆ ขวางเส้นทางอยู่
แหล่งข่าวระบุว่าเดิมแหล่งพักยาเสพติดตามหมู่บ้านตะเข็บชายแดนที่มีอยู่ประมาณ 14 แหล่งใหญ่ๆ จะเก็บยาเสพติดเอาไว้เพื่อรอการขนลำเลียงเข้าสู่ชั้นในของประเทศในรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ขนด้วยกองทัพมดบริเวณชายแดน รถยนต์ เรือแม่น้ำโขง ฯลฯ
แต่ปัจจุบันกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด ได้โหมระบายยาออกมา เพราะกลัวมาตรการของปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ทั้งฝั่งไทยและเมียนมา โดยเฉพาะฝั่งไทยที่ใช้มาตรการบูรณาการอย่างเข้มข้นในช่วงปลายปี 2561 ที่ผ่านมาและเมื่อต้องรีบขนย้ายจึงต้องมีกลุ่มผู้ขนภายในประเทศ
พล.ต.วิชิต วงค์สังข์ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ระบุในแถลงข่าวตรวจยึดของกลางยาบ้าได้จำนวน 18,760,000 เม็ด ที่ ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมาว่า กลุ่มม้ง ยังคงเป็นกลุ่มรับจ้างขนลำเลียงรายสำคัญ โดยคิดราคาค่าขนเฉลี่ยเม็ดละ 1 บาท
พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า ตั้งแต่ 25 ต.ค.เป็นต้นมา รัฐบาลมีนโยบายบูรณาการหน่วยงานต่างๆ ปราบปรามยาเสพติดให้เห็นผลตลอด 3 เดือน ซึ่งก็ทำให้ยึดยาเสพติดได้จำนวนมาก และกว่าครึ่งยึดได้คาชายแดนภาคเหนือ ดังนั้นการจะสกัดกั้นยาเสพติดคงต้องใช้การบูรณาการต่อไป เพราะทหารดูแลในส่วนของชายแดน แต่เมื่อล้ำเข้ามาในของประเทศต้องอาศัยตำรวจ ฝ่ายปกครอง ข้าราชการพลเรือนอื่นๆ และขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยสอดส่องความผิดปกติของชุมชนตนหรือถ้าทราบเบาะแสก็ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยต่อไป
จากสถิติการตรวจยึดของกลางยาเสพติดตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม-กลางเดือนธันวาคม 61 พบว่ามียาบ้าที่ถูกเจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเม็ด ยาไอซ์อย่างน้อย 300 กิโลกรัม เฮโรอีนอีกจำนวนมาก..
โดยมีคดีใหญ่ๆ เช่น เมื่อวันที่ 29 ต.ค.61 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย , ฉก.ทพ.31 สภ.เวียงแก่น , ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) 326 และฝ่ายปกครอง อ.เวียงแก่น ตรวจยึดยาบ้าได้ 14,600,000 เม็ดขณะขนไปกับรถยนต์กระบะ 2 คัน บนถนนเลียบแม่น้ำโขงชายแดนไทย-สปป.ลาว พื้นที่หมู่บ้านแจมป๋อง หมู่ 1 ต.หล่ายงาว อ.เวียงแก่น
6 พ.ย.61 ตำรวจ สภ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย , กก.สส.ภ.จว.เชียงราย , บก.สส.ภ.5 ตรวจยึดยาบ้าที่วางซ่อนเอาไว้ที่ป่าละเมาะข้างถนนหมายเลข 1326 ระหว่างหมู่ 1 ถึงหมู่ 12 ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย ได้ 3,500.000 เม็ด
21 พ.ย.61 ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.ปส.ชน.) โดยชุดปฏิบัติการพื้นที่พิเศษดอยเวียงผา ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายเชียงราย-เชียงใหม่ ตรงจุดตรวจป่าแดด ต.ป่าแดด อ.แม่สรวย จ.เชียงราย จับกุมผู้ต้องหา 2 คนที่ใช้รถยนต์กระบะขนยาบ้า 5,000,000 เม็ด และขยายผลไปตรวจยึดของกลางที่ซ่อนไว้ที่ไร่บนภูเขาเพิ่มเติมอีก 1,096,000 เม็ด
24 พ.ย.61 ทหาร ฉก.ม.2 ปะทะกับขบวนการค้ายาเสพติดที่พยายามขนลำเลียงยาบ้าด้วยกระสอบฟางที่ออกแบบเป็นกระเป๋าเป้เข้ามาบนเทือกเขาดอยนางนอน เขตหมู่บ้านผาหมี หมู่ 6 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ห่างจากชายแดนประมาณ 700 เมตร สามารถยึดของกลางยาบ้าได้ 1,000,000 เม็ด วิสามัญฆาตรกรรมคาราวานขนยานรก 5 ศพ
28 พ.ย.61 ทหาร บก.ควบคุมทหารพราน ศูนย์ปฏิบัติการ กองทัพภาคที่ 3 (ทพ.ศปก.ทภ.3) ปะทะขบวนการค้ายาเสพติดเขตหมู่บ้านมูเซอโอโก หมู่ 6 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ห่างจากชายแดนไทย-เมียนมา ประมาณ 2 กิโลเมตร ยึดของกลางยาบ้าได้ 100,000 เม็ด วิสามัญฆาตรกรรมฝ่ายตรงกันข้าม 1 ศพ
30 พ.ย.61 ร้อย ม.3 ฉก.ม.2 ฉก.ม.2 ปะทะขบวนการค้ายาเสพติดพื้นที่หมู่บ้านศรีชัยภูมิ หมู่ 10 ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย ยึดยาบ้าได้ 350,000 เม็ด วิสามัญฆาตรกรรมฝ่ายตรงข้าม 1 ศพ
4 ธ.ค.61 ตำรวจ ทหาร และ ป.ป.ส.ปะทะขบวนการค้ายาเสพติดเขตหมู่บ้านหนองป่าก่อ หมู่ 3 ต.หนองป่าก่อ อ.ดอยหลวง จ.เชียงราย ยึดของกลงยาบ้าได้ 6,100,000 เม็ด วิสามัญฆาตรกรรมฝ่ายตรงกันข้าม 1 ศพ จับกุมได้อีก 2 คน
6 ธ.ค.61 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) กก.2 ปส.3 บช.ปส. , ทหาร ศอ.ปส.ชน. ร.13 พัน.3 ปะทะขบวนการค้ายาเสพติดบนถนนหมายเลข 4013 หมู่ 1 ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย จ.เชียงราย ยึดของกลางยาบ้าได้ 15 ล้านเม็ด วิสามัญฆาตรกรรมฝ่ายตรงข้าม 1 ศพ
16 ธ.ค.61 ทหาร ฉก.ทพ.31 ตรวจยึดของกลางยาบ้าได้จำนวน 18,760,000 เม็ด ที่ขบวนการค้ายาเสพติดหลบหนีแล้วจอดรมของกลางทิ้งไว้ที่หน้าพุทธสถานพระเจ้ากือนา หมู่ 8 ต.เวียงเหนือ อ.เวียงชัย
ห้วงเดียวกัน ตำรวจภูธรภาค 5 สามารถดำเนินคดียาเสพติดได้ 6,311 คดี ผู้ต้องหากว่า 6,177 คน เป็นรายสำคัญ 1,555 คดีผู้ต้องหา 1,542 คน ยึดทรัพย์สินได้รวมกันทั้งหมดประมาณ 80 ล้านบาท ยึดของกลางยาบ้าได้ 138,214,553 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 1,202.97 กิโลกรัม เฮโรอีนน้ำหนัก 92.75 กิโลกรัม เคตามีนน้ำหนัก 100.02 กิโลกรัม กัญชาแห้งน้ำหนัก 1.27 กิโลกรัม และฝิ่นน้ำหนัก 32.10 กิโลกรัม
จังหวัดที่ตรวจยึดของกลางได้มากที่สุดคือ เชียงราย ยึดยาบ้าได้กว่า 90,726,925 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 30.56 กิโลกรัม เฮโรอีนน้ำหนัก 21.50 กิโลกรัม , ลำปาง ยึดยาบ้าได้ 18,343,183 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 853 กิโลกรัม , เชียงใหม่ ยึดยาบ้าได้ 17,903,170 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 308.30 กิโลกรัม เฮโรอีนน้ำหนัก 71.25 กิโลกรัม , แพร่ ยึดยาบ้าได้ 6,649,666 เม็ด ยาไอซ์น้ำหนัก 10.02 กิโลกรัม ที่เหลือเป็นของพะเยา น่าน ลำพูน และแม่ฮ่องสอน ตามลำดับ
และแน่นอนสถิติน่าสะพรึงนี้ ยังไม่มีแนวโน้มจะลดลง!!