บุรีรัมย์ - รองผู้การตำรวจบุรีรัมย์ เรียกถกด่วนเร่งหาเบาะแสล่าคนร้ายควงปืนบุกเดี่ยวปล้นแบงก์กรุงไทย สาขาศูนย์ราชการบุรีรัมย์ กวาดเงินสด 1 ล้านหนีลอยนวล ล่าสุดพบรถต้องสงสัย 3 คัน พร้อมจัดชุดออกไล่ล่า ชี้ก่อเหตุอย่างอุกอาจ
วันนี้ (25 ธ.ค.) พ.ต.อ.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.รุทธพล เนาวรัตน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดฯ ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อวางแผนในการติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุบุกเดี่ยวเข้าไปใช้อาวุธปืนพกสั้นจี้ชิงเงินพนักงานธนาคารกรุงไทย สาขาย่อยศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อเวลา 13.01 น. วานนี้ (24 ธ.ค.) กวาดเงินสดไปกว่า 1 ล้านบาท โดยใช้เวลาก่อเหตุไม่ถึง 1 นาที ก่อนจะหลบหนีไปอย่างลอยนวล
โดยจากการตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดประตูทางเข้าออกศูนย์ราชการจังหวัด พบรถต้องสงสัย 3 คัน คือ รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส กระบะฟอร์ด และกระบะมาสด้า ที่วิ่งเข้าออกศูนย์ราชการฯ ช่วงเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่เกิดเหตุ แต่จากการตรวจสอบผู้ครอบครองรถยาริส และฟอร์ดแล้ว ให้การต่อเจ้าหน้าที่ว่ามาติดต่อราชการ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังเหลือรถกระบะมาสด้าอีก 1 คันที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุหรือไม่
ส่วนเงินที่คนร้ายจี้ชิงไปนั้นเป็นเงินที่พนักงานร้านสะดวกซื้อนำมาฝากที่ธนาคารสาขาดังกล่าวประมาณ 800,000 บาท ที่เหลืออีกประมาณ 200,000 บาท เป็นเงินที่ลูกค้ารายอื่นนำมาฝากที่ธนาคาร และเจ้าหน้าที่นำขึ้นมาตรวจนับเพื่อมัดรวมกันเตรียมไปเก็บใส่ตู้เซฟ
ส่วนบรรยากาศที่ธนาคารกรุงไทยสาขาย่อยที่เกิดเหตุ วันนี้ยังเปิดทำการตามปกติ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหมือนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่ อส.ที่ดูแลรักษาความเรียบร้อยบริเวณประตูทางขึ้นลงด้านหน้าและด้านหลังศาลากลางเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดชุดเจ้าหน้าที่ตำรวจออกติดตามไล่ล่าตัวคนร้ายตามเส้นทางและพื้นที่ต่างๆ ที่คาดว่าคนร้ายจะใช้เป็นเส้นทางหลบหนีแล้ว เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายน่าจะก่อเหตุคนเดียวตามภาพที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด แต่ต้องมีการสอบสวนและหาข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีใครเกี่ยวข้องในการก่อเหตุครั้งนี้อีกหรือไม่ ส่วนมาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยที่ศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์จะได้หารือกับทางจังหวัดบุรีรัมย์อีกครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำอีก