อุบลราชธานี - สมรภูมิการเมืองที่ จ.อุบล เดือดพล่าน พปชร. ตั้งธงล้มเจ้าถิ่น เพื่อไทย-ปชป. ให้สิ้นลาย เอาแค่เขต 1 ก็ลุ้นตัวโก่ง เมื่อลูกชาย “เกรียง กัลป์ตินันท์” เจ้าของเก้าอี้เดิมจากเพื่อไทย ถูกเขย่าเก้าอี้จากคู่แข่งรุ่นพ่อจาก พปชร.
เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เล่นเอาฝุ่นตลบอบอวลไปเหมือนกัน เพราะบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ต่างวิ่งสับขาหลอก ขาจริง เปลี่ยนรังสังกัดกันให้วุ่นวาย ถึงเวลาฝุ่นจางก็พอเห็นเค้ารำไรว่าที่ ส.ส. ของจังหวัดอุบลราชธานี ชัวร์แล้ว เขตเลือกตั้งที่ 1 ซึ่งมีพื้นที่หลัก คือ อำเภอเมืองอุบลราชธานี แน่นอนแชมป์เก่า นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ เจ้าของพื้นที่เดิมยังลงในนามของพรรคเพื่อไทย โดยมี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ ผู้เป็นพ่อคอยอุปถัมภ์
ตามด้วยคู่แข่งที่สูสีแข่งขันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ คือ นายอดุลย์ นิลเปรม ลงในนามพลังประชารัฐ และตามด้วย นายปรเมษฐ์ ศรีหล้า จากค่ายประชาธิปัตย์ เวทีนี้ ยังคงเป็นของ 2 คู่แข่งขันจากเพื่อไทย และ พลังประชารัฐ เพราะคู่คี่สูสีกันมาตลอด
ส่วน “ปรเมษฐ์” หลานรัก ศุภชัย ศรีหล้า เข้ามาเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไม่ให้หายไปมากนัก ทำให้ “อดุลย์ นิลเปรม” จากค่ายพลังประชารัฐ มีลุ้น! เพราะเดิมต้องแชร์คะแนนกับผู้สมัครประชาธิปัตย์ ก่อนไปเจอกับ นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ เพื่อไทย ที่มีฐานคะแนนอย่างเป็นกอบเป็นกำ
มาที่เขตเลือกตั้งที่ 2 ซึ่งมีอำเภอม่วงสามสิบและเขื่องใน เป็นเซ็นเตอร์ เดิมก่อนการรัฐประหาร ก็เป็นพื้นที่ของค่ายประชาธิปัตย์ แต่ครั้งนี้ ศุภชัย ศรีหล้า ขึ้นแท่นไปเป็นปาร์ตี้ลิสต์ ปล่อยพื้นที่ให้ นายวุฒิพงษ์ นามบุตร หลานเลิฟ “วิฑูรย์ นามบุตร” จากค่ายประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่ร่วมกัน ลงแข่งกับนายโกวิทย์ ธรรมานุชิต พรรคพลังประชารัฐ และ นายณรงค์ชัย วีระกุล ส.จ.หลายสมัยของอำเภอเขื่องใน จากเพื่อไทย
แต่ที่ผ่านๆ มา คนในตระกูล “นามบุตร” ยังครองพื้นที่ฐานเสียงของอำเภอเขื่องในไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เมื่อบวกเข้ากับฐานคะแนนจากอำเภอม่วงสามสิบของ ศุภชัย ศรีหล้า ด้วยแล้ว หากไม่มีอุบัติเหตุใดเกิดขึ้น พื้นที่นี้ยังคงเป็นของค่ายประชาธิปัตย์ตามเดิม
เขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งมี อำเภอวารินชำราบ เป็นหัวเมืองใหญ่ และเป็นพื้นที่ของ นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส. หลายสมัยของอุบลราชธานี ครองมาหลายยุคหลายสมัย ครั้งนี้ ส่งบุตรสาวคือ น.ส.โยธากาญจน์ ฟองงาม ลงแข่งในนามพรรคพลังประชารัฐ สู้กับ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี ดีกรี ส.จ. ของอำเภอวารินชำราบ ลงในนามเพื่อไทย ตามประกบด้วย นายทนงศักดิ์ ตียาพันธ์ ค่ายประชาธิปัตย์ และ นายพูลสวัสด์ โหตระไวศยะ พรรคภูมิใจไทย
ดูจากรูปมวยแล้ว เป็นการต่อสู้ของสองหญิงสาว โดย น.ส.โยธากาญจน์ ฟองงาม ได้เปรียบจากฐานคะแนนอันเหนียวแน่นของพ่อ ยากที่ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี จะโหนกระแสขอคะแนนจากคนเสื้อแดงเข้าสู่หลักชัย
เพราะวันเวลาที่ผ่านมา ได้พิสูจน์ยามที่คนเสื้อแดง ต้องทนทุกข์อยู่ในเรือนจำ ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลจากพรรคเพื่อไทย ทั้งที่การต้องติดคุก ทำเพื่อคนชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ทำให้กระแสคนเสื้อแดงในเขตนี้ ไม่เข้มข้นเหมือนในอดีต
ซึ่งเสี่ย “เปด” สุพล ฟองงาม ก็อ่านเกมนี้ขาด จึงถอยออกมาอยู่กับพลังประชารัฐ ที่คะแนนดีวันดีคืนจากโครงการต่างๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ส่วนเขตเลือกตั้งที่ 4 มีพื้นที่หาเสียงเพียงอำเภอเดียว คือ อำเภอเดชอุดม พลังประชารัฐ ส่ง น.ส.ตวงทิพย์ จินตะเวช ไก่ก่อลูกพ่อ “ตุ่น จินตะเวช” ส.ส. หนึ่งเดียวของพรรคชาติไทยพัฒนา ที่เสียชีวิตไปแล้ว ลงรักษาแชมป์แทนบิดา
โดยมี นายเอกชัย ทรงอำนาจเจริญ เพื่อไทย ตามมาชิงดำ และมี นายกำพล เติมต้น ของประชาธิปัตย์ ลงมาสร้างสีสัน น้ำหนักยังเป็นของผู้สมัครจากพลังประชารัฐ เพราะมีทั้งฐานคะแนนของบิดาอดีต ส.ส. ตลอดกาลของพื้นที่ไม่พอ ยังมีคุณแม่เป็น ส.จ. ล็อกอีกชั้น ทำให้ผู้สมัครเพื่อไทย ยากเจาะแนวรบเข้าสู่เส้นชัย
มาถึงเขตช้างชนช้าง แนวรบที่ 5 ยังเป็นคนหน้าเดิม ลูกหลานชาวอำเภอตระการพืชผล ด้วยกันทั้งคู่ และมีการสลับโยกย้ายพรรคตามกระแสทางการเมือง ครั้งนี้ “รัฐกิตติ์ ผาลีพัฒน์” อดีต ส.ส. หลายสมัยที่ถูกตัดสิทธิ์ เพราะเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทยในอดีต
ครั้งนี้มาในนามพรรคเพื่อไทย ชนกับ นายสิทธิชัย จรูญเนตร ดีกรีอดีต ส.ส. เพื่อไทย เปลี่ยวขั้วมาลงในนามพลังประชารัฐ เรียกว่า เป็นมวยถูกคู่ เพราะสลับกันแพ้ชนะมาหลายยก ถ้าอิทธิฤทธิ์บัตรคนจน ไม่ออกดอกออกผลมาก “รัฐกิตติ์ ผาลีพัฒน์” จากเพื่อไทย ยังเหนือกว่าคู่ต่อสู้
ส่วนอีกรายมาจากค่ายประชาธิปัตย์ นายพร้อมพงศ์ สิถิลวัลย์ ซึ่งจะลงมาเพื่อเก็บคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ให้พรรค
เขตเลือกตั้งที่ 6 นี่ก็เป็นผู้สมัครรุ่นใหญ่ที่เคยขับเคี่ยวกันมาก่อน นายพิสิษฐ์ สันตะพันธุ์ เจ้าของตำแหน่งยังคงลงสนามนามพรรคเพื่อไทย เจอกับ นายธนะสิทธิ์ โควสุวัฒน์ชัย พี่ชาย นายสิทธิชัย โควสุรัตน์ อดีต รมช.มหาดไทย ซึ่งวางมือทางการเมืองไปแล้ว
โดย นายธนะสิทธิ์ ลงในนามพรรคพลังประชารัฐ ตามด้วยคู่แข่งอีกราย คือ นายวีระ รูปคม ของค่ายประชาธิปัตย์ ทั้งหมดล้วนเป็นสายเลือดชาวอำเภอเขมราฐ ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญของเขตเลือกตั้งนี้ พูดถึงชื่อชั้นของผู้สมัครเพื่อไทย และ พลังประชารัฐ เรียกว่าสูสีกินกันไม่ขาด น้ำหนักยังอยู่กับ “พิสิษฐ์ สันตะพันธุ์ เจ้าของเก้าอี้เดิม
จะพลิกก็มาจากกระแสพรรคเริ่มตก เนื่องจากมีแต่ข่าวฉาวๆ ของคนใหญ่คนโตของพรรคพัวพันทุจริตในยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” หลายเรื่อง โดยเฉพาะการรับจำนำข้าว ทำให้ชาวนาในพื้นที่ไม่ได้รับเงินค่าจำนำข้าวนานข้ามปี ต้องออกมาประท้วงกันหลายรอบ
ไปที่เขตเลือกตั้งที่ 7 เห็นชื่อแล้วร้องอ๋อ..เพราะเป็นนักการเมืองหน้าเก่าของพื้นที่ เริ่มจาก “กุ่ย” นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ซึ่งก่อนหน้าแว่วว่า อาจเปลี่ยนสนามชกจาก ส.ส. ไปแข่งขันนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยจะส่ง นายนัฐวัตร นิชัน บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนลงแทน
สุดท้ายก็ต้องหวนกลับมาลงสนามเอง เพราะผู้ใหญ่ในพรรค ต้องการให้ช่วยสร้างเก้าอี้ในสภาเพิ่มขึ้น
ส่วนคู่แข่งอีก 2 ราย เป็นคนหน้าเดิมที่เคยฟาดฟันกันมาก่อน คือ นายเชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ จากพลังประชารัฐ เรียกว่า พอสูสี แต่ “กุ่ย” ยังมีภาษีดีกว่า ส่วนอีกรายเป็นเสือข้ามห้วย นายปรีชญา ฉ่ำมณี พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพอมีเสียงในเขตอำเภอดอนมดแดง แต่ในอำเภอศรีเมืองใหม่ โขงเจียม เรียกว่ายังอ่อนมาก
ขณะที่เลือกตั้งเขต 8 ที่มี อ.พิบูลมังสาหาร อำเภอใหญ่เป็นเซ็นเตอร์สำคัญ แค่ กกต. โยนหินถามทางเรื่องพื้นที่เลือกตั้ง นักการเมืองรุ่นใหญ่อย่าง อิสสระ สมชัย จากค่ายประชาธิปัตย์ ก็ต้องออกมาเต้นแร้งเต้นกา เพราะ นางสาวบุณย์ธิดา สมชัย หรือ น้องแนน บุตรสาวอดีตเจ้าของพื้นที่ การแบ่งเขตยกแรกพื้นที่โดนเฉือนหายไปเต็มๆ จนพื้นที่ได้กลับมาเหมือนเดิม ก็เลยมีความสบายใจได้ระดับหนึ่ง
แต่ก็ยังคงไม่สบายตัว เพราะมีมวยใหญ่อย่าง ณรงค์ศักดิ์ โกศัลวัฒน์ อดีต ส.ส. สวมเสื้อค่ายพลังประชารัฐ ลงประกบ โดยมี นายบุญยัง โสภาสาย เพื่อไทย มาแจมขอแบ่งคะแนน
สนามนี้ ถ้าไม่มี บุยัง โสภาสาย หรือไม่มี ณรงค์ศักดิ์ โกศัลวัฒน์ ที่มีฐานคะแนนกลุ่มเดียวกัน “น้องแนน” นางสาวบุณย์ธิดา สมชัย จากค่ายประชาธิปัตย์ มีหนาว
เขตเลือกตั้งที่ 9 นี้ สุชาติ ตันติวณิชชานนท์ มวยรุ่นใหญ่ ส.ส. หลายสมัย ไม่ลงเอง ปล่อยให้ศรีภรรยา รำพูล ตันติวณิชชานนท์ ลงสู้กับ ประภูมิศักดิ์ จินตะเวช ลูกพ่อแดง ปัญญา จินตะเวช ของเพื่อไทย เพราะผู้เป็นพ่อไม่ค่อยแข็งแรง ประกอบกับ ประภูมิศักดิ์ ก็ชิมลางลงสนาม ส.จ. มาแล้ว
แต่ต้องมาเจอ รำพูล ตันติวณิชชานนท์ อดีต ส.จ. ของอำเภอบุณฑริก ที่เป็นเซ็นเตอร์ใหญ่ของเขตเลือกตั้งนี้ ก็เรียกว่า “ลูกพ่อแดง ต้องแบกน้ำหนักหลายเท่าตัว” จึงสามารถฝ่าด่านอรหันต์อย่างเจ๊รำพูล ผู้พูดน้อยแต่ต่อยหนักไปได้ ส่วน รัชนีพร ฝ่ายสัจจา ของพรรคประชาธิปัตย์ พอมีเสียงในนาจะหลวย แต่คงไปไม่ถึงฝัน
ส่วนเขตเลือกตั้งสุดท้าย คือ เขต 10 มีการวางตัวผู้แข่งขันที่ชิงดำกันมาหลายสมัย ทั้ง นายสมคิด เชื้อคง เพื่อไทย หรืออาจเป็นนายคำภา เชื้อคง ผู้น้องลงแทน หากพี่ชายได้ขึ้นชั้นไปเป็นบัญชีรายชื่อ ส่วนตัวสอดแทรกคือ ประจักษ์ แสงคำ ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน ครั้งนี้ใส่เสื้อพลังประชารัฐ ลงสู้ ตามด้วยนายเติม ศรีเนตรพรรคภูมิใจไทย และ นายนาวิน ลาธุลี พรรคประชาธิปัตย์
เขตนี้ จะบดสู้กันจริงจังของสองค่ายพลังประชารัฐกับเพื่อไทย โดยเพื่อไทยยังมีภาษีดีกว่าพรรคอื่นๆ
นี่คือ โฉมหน้าคร่าวๆ ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 10 เขตของจังหวัดอุบลราชธานี รอเพียงเสียงระฆังดังชัดเจน และเสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา...
ถึงเวลานั้นถึงรู้ใครอยู่ใครไป???