xs
xsm
sm
md
lg

“แรมโบ้อีสาน”เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ พปชร. ยันย้ายพรรคไร้ผลประโยชน์แต่เลือกอยู่เป็น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


อุตรดิตถ์ – “สุภรณ์-แรมโบ้อีสาน” ร่วมเปิดตัว 2 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.อุตรดิตถ์ พร้อมยืนยันย้ายซบพลังประชารัฐ ไร้เงื่อนไข-ไม่หวังเคลียร์คดีเก่า แต่เลือกอยู่ให้เป็น ระบุ ปชป.-เพื่อไทย เอี่ยวความขัดแย้งทางการเมืองมาตลอด

วันนี้(22 ธ.ค.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน อดีตแกนนำ นปช. ที่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) , นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง พปชร.ภาคเหนือ และนายชัยศิริ ศุภรักษ์จินดา นายก อบจ.อุตรดิตถ์ สมาชิกพรรค พปชร.ร่วมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อุตรดิตถ์ ทั้ง 2 เขตคือ พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 และนายวารุจ ศิริวัฒน์ ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 ที่สนามกีฬาจังหวัด (หมอนไม้) ต.ป่าเซ่า อ.เมืองอุตรดิตถ์

ท่ามกลางสมาชิกสภา อบจ.อุตรดิตถ์ , ผู้บริหารท้องถิ่น-ท้องที่ , อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ตลอดจนนักเรียนนักศึกษาพ่อค้า และประชาชน 2 เขตเลือกตั้งร่วมเปิดตัวหลายพันคน

นายสุภรณ์ ยังปราศรัยถึงเหตุผลของการย้ายจากพรรคเพื่อไทย มาสวมเสื้อ พปชร.เตรียมลงสมัคร ส.ส.นครราชสีมา ว่าตนอยู่พรรคเพื่อไทยมานาน ตั้งแต่สมัยก่อตั้งพรรคไทยรักไทยจนสุดท้ายคือพรรคเพื่อไทย และย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไรจาก พปชร.ไม่ใช่เพราะ พปชร.จะเคลียร์คดีความเก่าให้

แรมโบ้อีสาน บอกว่า คดีทางการเมืองของนายจตุพร พรหมพันธุ์-นายณัฐวุฒิ ไสเกื้อ อดีตแกนนำ นปช.หรือแม้แต่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง มีกี่คดีตนก็มีเท่านั้น แต่ที่ตนไม่ได้อยู่ในเรือนจำ ก็เพราะศาลท่านเมตตาให้ประกันตัวออกมา ภายใต้ข้อแม้ว่า ห้ามยุยงปลุกปั่น ห้ามหนีออกนอกประเทศ ห้ามเคลื่อนไหวชุมนุมทางการเมืองที่สร้างความแตกแยก หรือทำให้เกิดความขัดแย้งในบ้านเมืองโดยเด็ดขาด

“พปชร.จะมาช่วยอะไรตน ค่าทนายตนยังต้องจ่ายเอง ตนเลือกที่จะอยู่ให้เป็น อยู่อย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ถ้าวันไหนตนอยู่ไม่เป็นหรือปากพาไป ศาลก็จะถอนประกัน”

แต่วันนี้ตนต้องเอาความจริงมาพูดกับประชาชนให้ทราบว่า ในการชุมนุมทางการเมืองแต่ละครั้ง ไม่ใช่ประชาชนเป็นผู้ริเริ่มขึ้น แต่เกิดจากพรรคการเมือง 2 พรรคเท่านั้น คือพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทย ตนไม่ได้โจมตีสองพรรคการเมืองนี้ แต่ขณะนั้นเป็น ส.ส.อยู่ในเหตุการณ์

“ความขัดแย้งทางการเมืองในสภาผู้แทนราษฎรมันอยู่ตรงนี้ วันใดที่พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ก็สนับสนุนมวลชนให้ออกมาเคลื่อนไหว หากพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นมาเป็นรัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็สนับสนุนคนออกมาเคลื่อนไหว สองพรรคการเมืองเล่นกันนอกกติกาอย่างนี้มาตลอด สู้ในสภาฯไม่ได้ก็จัดม็อบกลางถนน เดินขบวนขับไล่ ประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวด้วยอุดมการณ์จริง ตนไม่ได้ตำหนิคนเหล่านี้ แต่ประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวส่วนใหญ่มาจากการสนับสนุนจากสองพรรคการเมืองนี้” นายสุภรณ์ กล่าว

นายสุภรณ์ กล่าวอีกว่า ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ต้องบอกกันตรง ๆว่าเกิดจากสองพรรคการเมืองนี้ คงไม่มีใครกล้าเถียงว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะตนอยู่ในเหตุการณ์ตลอด วันนี้ถ้าสองพรรคการเมืองนี้หยุดเล่นนอกกติกา หยุดเล่นการเมืองกันเสียที เล่นตามกติกาของบ้านเมือง เล่นกันตามระบอบประชาธิปไตย ตนและสมาชิกพรรคเพื่อไทยอีกหลายคนรวมถึงอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยภาคอีสาน ก็คงไม่ย้ายพรรค เพราะคนเหล่านี้ไม่ต้องการเห็นบ้านเมืองบ้านเมืองขัดแย้งเพราะสองพรรคการเมืองนี้อีกต่อไป แล้วจะมีพรรคการเมืองไหนละที่จะหยุดความขัดแย้ง สร้างความปรองดอง และพรรคพลังประชารัฐได้ประกาศชัดเจนว่า จะหยุดความขัดแย้ง สร้างความปรองดองให้แก่ประชาชนในชาติ

“พี่น้องบางคนอาจจะไม่ชอบทหาร แต่อยากถามว่า ถ้าวันนั้นเสื้อแดงชุมนุมอยู่ที่ถนนอักษะ เสื้อเหลืองชุมนุมอยู่ที่ถนนราชดำเนิน ถ้าทหารไม่เข้ามาแก้ไข จะมีประชาชนต้องเสียชีวิตอีกกี่ศพ ตนรับไม่ได้ที่จะมีประชาชนที่มีความเห็นต่างเสื้อต่างสีมาทุบตีกันนองเลือดบาดเจ็บล้มตาย จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จะปล่อยให้บ้านเมืองเกิดความขัดแย้งอีกไม่ได้โดยเด็ดขาด เราต้องหาพรรคการเมืองที่เป็นกลาง ๆ พรรคการเมืองที่สร้างความปรองดอง ลดความขัดแย้ง หาทางออกให้บ้านเมือง จึงเป็นที่มาของการย้ายพรรคของตน”

นายสุภรณ์ ย้ำว่า ไม่ใช่ตนคนเดียว แต่มีอีกเกือบร้อยคนของพรรคเพื่อไทยในภาคอีสาน ที่ย้ายมา ทั้งนายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ , นายจำลอง ครุฑขุนทด , นายวิรัตน์ รัตนเศรษฐ์ ฯลฯ พรรคพลังประชารัฐ คือพรรคเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชน ลดความขัดแย้ง สร้างความปรองดองให้เกิดกับบ้านกับเมือง ซึ่งทุกคนก็อยากเห็นเช่นเดียวกัน ไม่อยากเห็นคนไทยแตกแยกกัน ไม่อยากเห็นคนไทยทะเลาะกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น