สระบุรี - รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แจงเหตุยังไม่ควบคุมตัวแก๊งโจ๋รุมโทรมเด็กสาวสระบุรี วัย 12 ปี ในร้าน 20 บาท เพราะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า เผยผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนอายุ 15-16 ปี อยู่ระหว่างสอบปากคำร่วมกับสหวิทยาการ และรวบรวมพยานหลักฐาน ยันไม่มีล้มคดีแน่นอน
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีที่บิดาของเด็กหญิงที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมข่มขืนร้องเรียนว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีลูกสาวถูกวัยรุ่นฉุดเข้าร้าน 20 บาท เพื่อไปกระทำชำเรา
โดยขอชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2561 เวลาประมาณ 02.00 น. น.ส.ศุภลักษณ์ สืบไว ผู้ปกครองของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี พยาน ผู้เสียหาย มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ โดยผู้เสียหายได้เชิญตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นเยาวชน จำนวน 5 คน มีอายุระหว่าง 15-16 ปี พนักงานสอบสวนได้ซักถามปากคำผู้เสียหายเบื้องต้นได้ความว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2561 เวลาประมาณ 02.30 น. ผู้เสียหายซึ่งอยู่ในความปกครองของ น.ส.ศุภลักษณ์.ถูกผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญพาเข้าไปภายในร้านที่เกิดเหตุ อยู่ตรงข้ามอาชีวศึกษาสระบุรี ต.ปากเพรียว อ.เมืองสระบุรี จ.สระบุรี ได้ร่วมกันกระทำชำเราผู้เสียหาย
ต่อมา เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2561 น.ส.ศุภลักษณ์ ได้ทราบเรื่องจากบุตรสาว จึงได้นัดตกลงค่าเสียหายกับผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุ แต่เมื่อตกลงกันไม่ได้ โดยในระหว่างการเจรจาตกลง ได้มี นายอาคม ซึ่งเป็นบิดาของผู้เสียหาย ได้เดินทางมาถึงที่ดังกล่าวแล้วเข้าทำร้ายร่างกายผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน
จากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุทะเลาะวิวาท เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พาผู้ก่อเหตุมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีต่อผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้ดำเนินคดี และได้ส่งผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุทั้ง 5 คน ไปตรวจร่างกายที่ รพ.สระบุรี โดยไม่ได้มีการจับกุมหรือควบคุมตัวไว้เนื่องจากไม่ใช่ความผิดที่เกิดซึ่งหน้า พนักงานสอบสวนจะนำตัวเยาวชนทุกคนไปสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ และจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ในส่วนของคดีทำร้ายร่างกาย พนักงานสอบสวน ได้ตรวจสถานที่เกิดเหตุ ถ่ายภาพ ทำแผนที่เกิดเหตุ สอบสวนพยานที่เห็นเหตุการณ์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาเบาะแสและข้อมูลจะได้ดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้องในคดีทำร้ายร่างกายอีกหนึ่งคดี
รองโฆษก ตร. กล่าวต่ออีกว่า คดีนี้อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้เสียหายและผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน จึงต้องสอบปากคำร่วมกับสหวิชาชีพ และรอผลการชันสูตรจากแพทย์เพื่อมาประกอบคดี สำหรับผู้ก่อเหตุข่มขืนทั้ง 5 คน ทราบชื่อและทำประวัติไว้แล้ว เมื่อมีหลักฐานเพียงพอจะได้เรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ในส่วนของคดีทำร้ายร่างกาย ผู้ก่อเหตุจะถูกดำเนินคดีควบคู่กันไป ตามพยานหลักฐานและกฎหมาย ในส่วนประเด็นที่บิดาของผู้เสียหายเกรงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจพูดจาไกล่เกลี่ย ทำนองไม่ให้รับคดีขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้สอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ตามกรอบของกฎหมาย และอำนาจหน้าที่แล้ว ไม่มีการช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อนำตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีโดยเร็ว คดีนี้ถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญ เพราะเป็นการใช้ความรุนแรงกระทำทางเพศกับเด็ก โดยได้เน้นย้ำให้การดำเนินการสืบสวนสอบสวน ด้วยความถูกต้อง รวดเร็ว เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่มีการวิ่งเต้นช่วยเหลือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดให้ไม่ต้องรับโทษตามกฎหมาย ให้ดำเนินการตามหลักกฎหมาย อาศัยพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หรือพยานหลักฐานที่ชี้ถึงตัวผู้กระทำความผิดเป็นสำคัญ และต้องสามารถนำผู้ก่อเหตุมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ได้โดยเร็ว และให้ผู้บังคับบัญชาควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อเยียวยาความเสียหาย และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่พี่น้องประชาชน และสังคม