ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ทดลองวิ่งไปแล้วรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น คาดว่าเปิดใช้งานได้ตลอดสาย ก.พ.62 นี้ แต่การสร้างจุดตัดช่วงตัวเมืองพลปัญหายังไม่จบและอาจเป็นปัญหาใหญ่ของโครงการฯ โดยชาว อ.พล แวงน้อย แวงใหญ่นัดยื่นร้องศาลปกครอง 11 ธ.ค.นี้
ทดลองวิ่งไปแล้วอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกสำหรับโครงการรถไฟทางคู่สายชุมทางจิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 187 กม.ภายใต้งบประมาณก่อสร้างร่วม 23,430 ล้านบาท โดยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.61 ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมตัวแทนประชาชนชาวขอนแก่นทุกภาคส่วนได้ทดลองนั่งจากสถานีท่าพระ ไปยังสถานีรถไฟขอนแก่น สรุปโดยภาพรวมการก่อสร้าง ณ ตอนนี้ทางคู่รถไฟ และสถานีปลายทางจุดต่างๆ ในเส้นทางมีความก้าวหน้าไปแล้วราว 90%
เหลือเพียงการเก็บรายละเอียดงานและการตกแต่งสถานีผู้โดยสาร ตามสัญญาก่อสร้างต้องแล้วเสร็จเสร็จทั้งหมดพร้อมเปิดให้วิ่งบริการได้ในราวเดือนกุมภาพันธ์ 2562
อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมองว่าโครงการฯ อาจได้รับผลกระทบจากกรณีปัญหาที่ชาวเมืองพล จ.ขอนแก่น ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้การรถไฟฯ กระทรวงทรวงคมนาคม ปรับแก้แบบการก่อสร้างเกือกม้า และทางลอดอุโมงค์รางรถไฟที่เป็นจุดตัดเชื่อมไปยังอำเภอ จังหวัดข้างเคียงให้เป็นการยกระดับรางรถไฟลอยฟ้าความสูง 6 เมตรแทน เพราะเกือกม้าและอุโมงค์ทางลอดที่ก่อสร้างนั้นไม่ได้มาตรฐาน มีปัญหาน้ำท่วมขัง การสัญจรไม่สะดวกเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
แม้ว่าการหาทางออกร่วมกันครั้งล่าสุด ในที่ประชุมคณะกรรมาธิการคมนาคมเมื่อวันที่ 13 พ.ย.61 ที่ผ่านมา กลุ่มตัวแทนผู้ได้รับผลกระทบชาวเมืองพลได้รับเชิญเข้าร่วมหารือด้วยก็ไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ เพราะทางการรถไฟฯ ได้เสนอจะยกระดับรางให้สูง 5 เมตร แต่ทางฝ่ายตัวแทนชาวเมืองพลมีข้อกังขาว่า ยกระดับ 5 เมตรนั้นวัดจากจุดไหน วัดจากสันรางหรือกดระดับรางลงไปแล้วเริ่มวัด ถ้ากดระดับรางลงไปก็ยิ่งมีปัญหาน้ำท่วมขัง หน้าฝนน้ำก็ท่วมหนักยิ่งกว่าเดิม ข้อกังขาเหล่านี้ไม่ได้รับการชี้แจงรายละเอียดจากที่ประชุม
นายศรัณย์ สิรเมธี ผู้จัดการโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่จิระ-ขอนแก่น เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้างไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ เพราะมีสัญญาการก่อสร้างอยู่ หากเรียกร้องให้แก้ไขตั้งแต่ขั้นตอนที่ยังไม่ได้ก่อสร้างก็สามารถปรับแก้ได้ แต่ ณ ขณะนี้อยู่ในช่วงปลายของสัญญาก่อสร้างแล้ว ราวเดือน ก.พ.62 สถานีรถไฟทุกจุดบนทางคู่ชุมชนจิระ-ขอนแก่น ก็ต้องเสร็จหมด หลายสถานีก็ได้ทดลองวิ่งไปแล้ว
ซึ่งหากจะให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ต้องรอให้มีคำสั่งมาจากรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีเท่านั้น ซึ่งในที่ประชุมกรรมาธิการคมนาคม 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งตัวแทนฝ่ายการรถไฟฯ สนข. ทางหลวง ทางหลวงชนบท ฝ่ายวิศวกรรม และนักวิชาการต่างเห็นด้วยที่จะเสนอให้มีการยกรางขึ้น 5 เมตรจากพื้นผิวดิน เป็นไปตามมาตรฐานทางหลวง สามารถรองรับรถทุกประเภทที่ถูกกฎหมาย ไม่จำเป็นต้องยกสูงถึง 6 เมตร ตามที่ชาวอำเภอพลต้องการ
อย่างไรก็ตาม นายศรัณย์ บอกว่า หากจะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบก่อสร้างจริง ต้องเริ่มกระบวนการใหม่หมดเลย ตั้งแต่การตั้งเรื่องของบประมาณ การทำสัญญาจ้างออกแบบ การทำอีไอเอ การทำประชาพิจารณ์ จ้างผู้รับเหมา ใช้เวลานานพอสมควร เฉพาะอีไอเอก็ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปี แต่ทั้งนี้ไม่กระทบต่อแผนการก่อสร้างการเดินรถไฟทางคู่โครงการเดิม เพียงแต่ช่วงทางคู่ที่ผ่านเขตตัวเมืองพล ต้องลงทุนทำทางเบี่ยงขึ้นมาแทนไปก่อน
“เรื่องแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามการเรียกร้องของชาวเมืองพลขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ตามที่การรถไฟฯ ชงเรื่องเข้าไป หากเห็นด้วยตามที่เสนอก็ต้องเอาเข้าคณะรัฐมนตรีซึ่งขึ้นอยู่กับกรอบวงเงินงบประมาณว่าต้องใช้มากเท่าไหร่” นายศรัณย์ กล่าว
ด้าน นายเริงชัย ศิริวิชัย ตัวแทนเครือข่ายประชาชนอำเภอพล แวงน้อย แวงใหญ่ เปิดเผยว่า ชาวอำเภอพลได้ลงมติร่วมกันแล้วว่า ในวันที่ 11 ธันวาคมนี้จะพากันไปยื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอนแก่น เพื่อขอปกป้องสิทธิของประชาชนจากผลกระทบความเสียหายที่จะได้รับจากโครงการก่อสร้างจุดตัดทางรถไฟทางคู่ทั้ง 3 จุดในเขตตัวเมืองพล ที่ผ่านมาทางเครือข่ายฯ ได้เรียกร้องไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง และมีอำนาจตามขั้นตอนทุกหน่วยงานหมดแล้ว
ตลอดระยะเวลาที่เครือข่ายฯ เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้น บริษัทผู้รับจ้างก็จะอ้างว่าทำตามแบบในสัญญากับการรถไฟฯ และการรถไฟฯ ก็จะอ้างว่าตัวเองไม่เป็นผู้ออกแบบ แต่เป็นแบบที่ สนข.ส่งมาให้รถไฟต้องทำตามนั้น ขณะที่ สนข.ก็จะอ้างว่าเป็นแบบที่ได้ผ่านประชาพิจารณ์ขอความเห็นชอบจากประชาชนในพื้นที่แล้ว
ซึ่งการรถไฟฯ โดยบริษัทที่ปรึกษาเองพยายามอ้างว่ามีประชาชนกลุ่มหนึ่งยอมรับรูปแบบตามประชาพิจารณ์ แต่อีกกลุ่มหนึ่งไม่ยอมรับ สร้างความแตกแยกให้ชุมชน เมื่อโยนกันไปโยนกันมาแบบนี้ เครือข่ายฯ ได้พยายามขอดูรายละเอียดต้นเรื่อง หลักฐานการทำประชาพิจารณ์ แต่ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องกลับไม่มีข้อมูลหลักฐานกรณีการทำประชาพิจารณ์ออกมาชี้แจงประเด็นนี้เลย ถือเป็นข้อพิรุธที่ทางเครือข่ายตั้งข้อสังเกตว่ากระบวนการทำประชาพิจารณ์ที่กล่าวอ้างนั้นได้มาโดยมิชอบ เพราะชาวเมืองพลส่วนใหญ่ไม่เคยได้เข้าร่วมแม้แต่ครั้งเดียว
นายเริงชัย กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่เครือข่ายฯ เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขนั้น การรถไฟฯ บอกว่าพยายามแก้ไขปัญหา แต่กลับเป็นการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาอีกมากมาย ทุกข้อเสนอในการแก้ไขของการรถไฟฯ เป็นเพียงคำพูดกับตัวหนังสือ ซึ่งไม่มีรายละเอียดแบบแปลน หรือแม้แต่ประเด็นปัญหาที่เครือข่ายตั้งข้อสังเกต การรถไฟฯ ก็ไม่ตอบข้อซักถามประชาชน
“เมื่อดูภาพรวมและข้อสรุปของการรถไฟฯ เป็นเพียงบอกเล่าว่าจะแก้ไปเปลี่ยนแปลงจุดที่ 1-2-3 แต่เมื่อดูข้อสรุปตอนท้ายแล้ว แบบแปลนเดิมยังคงไม่มีการแก้ไขใดๆ และยังเร่งดำเนินการสร้างต่อไป ซึ่งทางเครือข่ายเห็นว่าการรถไฟฯ ไม่มีความจริงในการแก้ไขปัญหา ทั้งยังพยายามสร้างเงื่อนไขอุปสรรคขัดขวางการแก้ไขขึ้นมาอีก” นายเริงชัย กล่าว
นายเริงชัย ระบุว่า หลายเดือนที่ผ่านมา ทางเครือข่ายประชาชนอำเภอพล แวงน้อย แวงใหญ่ เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ร้องเรียนไปทุกภาคส่วนทั้งระดับพื้นที่และระดับกระทรวง ในเมื่อมาถึง ณ วันนี้ประชาชนพึ่งอำนาจฝ่ายบริหารไม่ได้ พึ่งอำนาจนิติบัญญัติก็ไม่ได้ ก็เหลืออำนาจตุลาการเป็นทางเลือกสุดท้าย โดยก่อนเที่ยงวันพุธที่ 11 ธันวาคมที่จะถึงนี้ ตัวแทนชาวอำเภอพล อำเภอแวงน้อย และอำเภอแวงใหญ่จะเข้ายื่นเรื่องร้องทุกข์ต่อศาลปกครองขอนแก่น ให้ไต่สวนพิจารณาชี้ขาดทางออกของปัญหาที่เกิดขึ้น
“ในฐานะประชาชนพวกเรายินดีมากกับโครงการสร้างรถไฟทางคู่ ประชาชนจะได้เดินทางสะดวกรวดเร็วมากขึ้น เพียงแค่ไม่เห็นด้วยกับการออกแบบจุดตัดจุดเชื่อมจากเมืองพล ไปยังอำเภอแวงน้อย แวงใหญ่ที่การรถไฟฯ ทำเป็นเกือกม้าวิ่งรถและอุโมงค์ลอดที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่สอดรับต่อโครงสร้างทางกายภาพของตัวเมืองพล กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เราจำเป็นต้องลุกขึ้นสู้ตามกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิชุมชน” นายเริงชัย กล่าว