เชียงใหม่ - “พี่ผู้กองยอดรักษ์” ทุบคนโทคั่วอราบิกา เปิดร้าน “มาลากาแฟ” แต่ไม่ขาย..แค่ใจแลกใจ เป็นผู้ให้และผู้รับ บริจาคทุนช่วย นร.เปิดร้านกาแฟบนดอยอ่างขาง ก็ได้นั่งจิบกาแฟแกล้มวรรณกรรมอย่างสุนทรีย์ ดีกว่าแค่เช็กอินถ่ายรูปเซลฟี
“บ้านน้ำต้น สล่าแดง อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่” ซึ่งเป็นศูนย์หัตถกรรมเครื่องปั้นดินเผาชื่อดัง มีร้านกาแฟร้านหนึ่งมาออกร้าน เปิดเป็นร้านแบบง่ายๆ มีจักรยานเก่าที่บรรทุกเครื่องมือสัมภาระทั้งซ้ายขวามาหนึ่งคัน ขณะที่คนชงกาแฟนั่งเก้าอี้เล็กๆ เครื่องชงกาแฟเป็นอุปกรณ์ง่ายแบกับพื้น
โดยตั้งชื่อร้านว่า “มาลากาแฟ จิบกาแฟแกล้มวรรณกรรม” พร้อมนำภาพพ่อครูมาลา คำจันทร์ ศิลปินแห่งชาติด้านวรรณกรรม เป็นโลโก้ร้าน และมีหนังสือวรรณกรรมจากพ่อครูมาลา คำจันทร์ ทุกเรื่องวางเรียงรายให้ได้เลือกอ่าน ทั้งยังเขียนข้อความไว้ด้วยว่า "สังคมเราแบ่งแยกเกินไปแล้ว มีฝั่งของผู้ซื้อ-ฝั่งผู้ขาย เราจึงอยากเปลี่ยน เป็นการให้กับการรับ เพื่อสมทบทุนจัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือร้านกาแฟให้นักเรียน"
แต่ที่สร้างความแปลกใจให้ผู้ที่พบเห็นก็คือ กาแฟร้านนี้ไม่ได้มีไว้ขาย แต่ให้ลูกค้าร่วมบริจาคตามความพอใจ เพื่อนำเงินไปช่วยสมทบทุนร้านกาแฟเด็กดอย นอกจากนี้ ลีลาการคั่วกาแฟของเจ้าของร้านก็ไม่ธรรมดา ใช้เครื่องคั่วกาแฟแปลกๆ ที่ทำจากดินเผามาคั่วกาแฟ เมื่อได้ที่ก็จะเป่าให้เกิดเสียงและควันกาแฟลอยคลุ้งตลบอบอวนไปทั่วเพื่อระบายความร้อน แต่ส่งกลิ่นเรียกคนได้ในเวลาเดียวกัน
นาวาตรี สถาพร สกลทัศน์ หรือที่ชาวบ้านเรียกกัน “พี่ผู้กองยอดรักษ์” เจ้าของร้านดังกล่าว เปิดเผยว่า ที่มาของมาลากาแฟ คือมาจากบนดอย คือเด็กบนดอยอ่างขางเขาขาดโอกาส เราจึงสร้างโอกาสโดยการเปิดกาแฟโรงเรียนของเด็ก เริ่มจากครูบ้านนอกคนหนึ่งจูงเด็กออกมานอกห้องเรียนให้เรียนรู้การปลูกกาแฟ แปรรูปกาแฟ และทำกาแฟออกมาขาย
แต่ขั้นตอนการขายคือ ต้องสร้างความน่าสนใจให้ผู้บริโภค ฉะนั้นเราจึงรวบรวมพลพรรคศิลปินล้านนา ได้แก่ พ่อครูมาลา คำจันทร์ อันเป็นที่มาของ “มาลากาแฟ” รวมทั้งศิลปินแห่งชาติและกวีซีไรซ์ พ่อครูสล่าแดงบ้านน้ำต้น ส่วนเรื่องของวัตถุดิบที่นำมาใช้สร้างความหอมอร่อยกลมกล่อมของกาแฟคือ กาแฟอะราบิกาชั้นดีจากบนดอย และสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการจิบกาแฟแกล้มวรรณกรรม เป็นการทำให้คนหันกลับมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น
“โครงการนี้เป็นโครงการหาเงินสมทบทุนเพื่อหาอุปกรณ์ให้เด็กขายกาแฟที่ดอยอ่างขาง เด็กจะเป็นตัวจริงเสียงจริงด้านการขายกาแฟ ฉะนั้นโครงการนี้เป็นการเติมเต็มอาชีพให้เด็กบนดอย โดยที่ไม่ต้องให้เด็กบนดอยลงมาทำงาน หรือทำผิดเรื่องผิดราวบนพื้นราบอีกต่อไป”
พี่ผู้กองยอดรักษ์บอกอีกว่า จากเดิมเราจิบกาแฟเซลฟีออนไลน์โพสต์ภาพต่างๆ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าดีในระดับหนึ่ง แต่จะดีกว่าไหมที่นำเรื่องการอ่านกลับเข้ามาสู่วงกาแฟ ทำให้วรรณกรรมกับกาแฟเข้ากันได้ อร่อยทั้งรสชาติของกาแฟ อร่อยทั้งรสชาติของวรรณศิลป์ที่มีคุณค่า
และ “มาลากาแฟ” แปลกที่สุด เพราะมีหม้อคั่วอันแรกของโลกเลยก็ว่าได้ นั่นคือหม้อคั่วทำจากน้ำต้นดินเผา หรือคนโทน้ำ ซึ่งปกติจะวางตั้งในแนวดิ่ง แต่ปัจจุบันน้ำต้นไม่ได้ถูกใส่น้ำดื่มในบ้านอีกต่อไป มีแต่นำไปเป็นของโชว์ หรือทำพิธีกรรมต่างๆ ตนจึงคิดว่าทำอย่างไรจึงจะต่อลมหายใจให้หัตถกรรมพื้นบ้าน ดังนั้นจึงจับน้ำต้นดินเผามานอนแล้วทุบให้แบนลง เจาะรู ทำเป็นเครื่องคั่วกาแฟแทน
“จากการวิจัยจะพบว่าตัวหม้อดินจะสร้างความหอมกลมกล่อมให้กาแฟมากกว่าเครื่องมือในการคั่วทั่วๆ ไป เราจะเห็นว่าจากของโชว์จะเป็นของใช้ที่ไปอยู่ในครัวเรือน เราจะรู้สึกดีกว่าไหม ที่ต้องไปค้นหากาแฟที่อร่อยทั่วราชอาณาจักร มีร้านไหนเช็กอินเราก็จะตามล่าไป เราหยุดค้นหาแล้วมาค้นคว้ากาแฟที่เหมาะกับตัวของเราเองที่บ้าน ไม่ต้องไปรถติดกับคนข้างนอก เอาครอบครัวมานั่งล้อม หรือเพื่อนบ้านมาล้อมวงมาชงกาแฟมาคั่วกาแฟกันที่บ้าน ใช้เวลาให้เกิดสัมพันธ์กับครอบครัวให้ดีที่สุด” นาวาตรี สถาพรกล่าว
สำหรับ “ร้านมาลากาแฟ” นอกจากจะออกร้านเปิดบริการตามงานสำคัญต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ยังเปิดให้บริการที่ถนนคนเดินราชวิถี 2 ทุกวันศุกร์ วัดล่ามช้าง อ.เมืองเชียงใหม่ด้วย