xs
xsm
sm
md
lg

คุก 3 ปี! ทางหลวงชี้ตากข้าวบนถนนผิด กม. หลังเกิดเหตุเศร้า จยย.นร.บุรีรัมย์ชนกองข้าวถูกชาวนาตาย 1 สาหัส 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


บุรีรัมย์- แขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ชี้ตากข้าวเปลือกบนถนนผิด พ.ร.บ.ทางหลวง มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 6 หมื่น หลังเกิดเหตุเศร้านักเรียนขี่ จยย.ชนกองข้าวที่ตากบนถนนและถูกชาวนาล้มตาย 1 บาดเจ็บสาหัส 1 ขณะชาวนาวอนเห็นใจไม่อยากฝ่าฝืนแต่ไร้ที่ตาก

วันนี้ (24 พ.ย.) จากกรณีที่มีนักเรียนชายชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ขับขี่รถจักรยานยนต์ไปเฉี่ยวชนกองข้าวเปลือกที่เกษตรกรตากไว้บนถนนทางหลวงหมายเลข 3047 สายบ้านหนองม่วงน้อย-หนองไทร ต.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ซึ่งขณะนี้ผู้บาดเจ็บยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์นั้น


จากการลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบเป็นถนน 2 ช่องจราจรไม่ได้เป็นทางโค้ง แต่ไม่พบเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาตากบนถนนสายดังกล่าวแล้ว มีเพียงร่องรอยบริเวณจุดเกิดเหตุเท่านั้น

จากการสอบถามชาวบ้านใกล้เคียงให้ข้อมูลว่า วันเกิดเหตุได้มีเกษตรกรนำข้าวเปลือกไปตากบนถนนสายดังกล่าวเพื่อลดความชื้นหลังจากเก็บเกี่ยวเสร็จเป็นปกติเหมือนทุกปีเนื่องจากในหมู่บ้านมีลานที่ใช้สำหรับตากข้าวเพียงจุดเดียว คือลานคอนกรีตศาลากลางหมู่บ้าน แต่เกษตรกรส่วนมากจะเก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมกันทำให้สถานที่ตากไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องนำไปตากตามถนนลาดยางในหมู่บ้าน ตำบล ซึ่งใช้เวลาตากเพียง 2-3 วัน แต่ช่วงเย็นวันเกิดเหตุมีฝนตกหนักทำให้สภาพถนนลื่น ทั้งอาจเกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่ด้วยจึงทำให้รถจักรยานยนต์เสียหลักล้มจนทำให้มีคนเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว

นางประสงค์ ทราบรัมย์ ชาวบ้านหนองม่วงน้อย บอกตรงกันว่า สาเหตุที่เกษตรกรต้องนำข้าวเปลือกมาตากบนถนนลาดยางเนื่องจากสถานที่ตากในหมู่บ้านไม่เพียงพอเพราะเกษตรกรส่วนใหญ่เก็บเกี่ยวผลผลิตพร้อมๆ กัน และการตากบนถนนทำให้ข้าวเปลือกแห้งเร็วใช้เวลาเพียง 2-3 วันก็เก็บเข้ายุ้งฉาง หรือนำไปขายให้กับโรงสีได้แล้ว แต่หากตากตามพื้นหญ้าจะทำให้ข้าวเปียกชื้นแห้งช้าอาจต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ หากถามว่าเกษตรกรรู้หรือไม่ว่าการนำข้าวเปลือกมาตากบนถนนผิดกฎหมาย ส่วนใหญ่ยอมรับว่ารู้แต่ไม่มีทางเลือก เพราะหากไม่รีบตากให้แห้งแล้วมีฝนตกใส่ข้าวเปียกก็จะทำให้เมล็ดข้าวมีความชื้นสูง เสื่อมคุณภาพ และหักเสียหายทำให้ขายไม่ได้ราคา

จึงอยากจะฝากให้หน่วยงานภาครัฐหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ด้วย โดยการทำลานตากเป็นพื้นปูนให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกรในพื้นที่เพื่อจะได้ลดปัญหาสถานที่ตาก เพราะเกษตรกรก็ไม่ได้อยากตากข้าวบนถนนอยู่แล้ว


อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจบนถนนตามหมู่บ้าน ตำบลในหลายอำเภอยังคงมีเกษตรกรนำข้าวเปลือกออกมาตากตามถนนลาดยาง โดยจะตาก 1 ช่องจราจรแล้วมีการนำอุปกรณ์ หรือกรวยยางมาวางเป็นสัญลักษณ์ไว้เพื่อให้ผู้สัญจรเห็น โดยเกษตรกรให้เหตุผลเหมือนกันว่าไม่มีสถานที่ตากจึงจำเป็นต้องมาตากบนถนน พอตกเย็นก็จะเก็บกองรวมไว้ไหล่ทางแล้วใช้ผ้าคลุมปิดไว้ ก็อยากให้เห็นใจชาวนาด้วย

ด้าน นายวิทย์ วรวงศ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์ ได้ออกมาแจ้งเตือนเกษตรกรว่า ตามกฎหมาย พ.ร.บ.ทางหลวง มาตรา 38 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. 2535 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดติดตั้ง แขวน วาง หรือกองสิ่งใดเขตทางหลวงในลักษณะที่เป็นการกีดขวางหรืออาจเป็นอันตรายแก่ยานพาหนะ หรือในลักษณะที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางหลวงหรือความไม่สะดวกแก่งานทาง เว้นแต่จะได้รับอนุญาต ซึ่งหากฝ่าฝืนก็จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ที่ผ่านมาแขวงหลวงหลวงชนบทได้ประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีเกษตรกรบางส่วนที่นำข้าวเปลือกมาตากบนถนนและไหล่ทางโดยอ้างว่าไม่มีสถานที่ตาก ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ออกสำรวจหากพบเกษตรกรรายใดนำข้าวมาตากกีดขวางถนน เบื้องต้นจะเตือนให้เก็บออก แต่หากยังไม่ทำตามเจ้าพนักงานจำเป็นจะต้องเคลื่อนย้ายออกให้ ซึ่งหากมีค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายเจ้าของทรัพย์สินนั้นๆ ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และกรณีนี้หากฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานก็มีความผิดตามกฎหมายทางหลวงเช่นเดียวกัน คือ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
นายวิทย์  วรวงศ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงชนบทบุรีรัมย์




กำลังโหลดความคิดเห็น