เพชรบุรี - สรุปได้ 2 แนวทาง โครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนสายบ้านกร่าง-พะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปรับปรุงบางจุดที่อันตราย แนวทางที่สอง คือ ไม่ทำอะไรเลยปล่อยไปตามธรรมชาติ รองอธิบดีกรมอุทยานฯ สั่งนำไปคิดเป็นการบ้าน หลังมีกลุุ่มอนุรักษ์ไม่เห็นด้วยกับโครงการฯ
จากกรณีการคัดค้านโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนสายบ้านกร่าง-พะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ด้วยถนนคอนกรีต หลายฝ่ายห่วงใยในเรื่องของระบบนิเวศ
ล่าสุด วันนี้ (12 พ.ย.) ที่ห้องประชุมศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายมานะ เพิ่มพูน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเพชรบุรี ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพชรบุรี มูลนิธิสืบนาคะเสถียร และส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการปรับปรุงซ่อมแซมถนนสายบ้านกร่าง-พะเนินทุ่ง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
โดยการประชุมได้เปิดโอกาสให้ทุกส่วนออกความคิดเห็น โดยมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งทางผู้ไม่เห็นด้วยมีทั้งนักอนุรักษ์ ตัวแทนมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ตัวแทนกลุ่มอนุรักษ์สัตว์ป่า ตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการรถนำเที่ยว ตัวแทนผู้ประกอบการรีสอร์ต ที่กังวลเรื่องความร้อนและความชื้นจะหายไป กังวลในเรื่องของการขับรถเร็ว และมีความคิดเห็นให้ซ่อมเป็นบางจุดไม่ให้ทำทั้งหมด
การประชุมใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง จึงได้ข้อสรุป 2 แนวทาง คือ การซ่อมแซมเฉพาะจุด บางส่วนที่อันตราย และไม่ปลอดภัย และแนวทางที่สอง คือ ไม่ทำอะไรเลย
นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมว่า วันนี้เป็นเรื่องที่เราได้รับข้อห่วงใยจาก พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องถนนที่แก่งกระจานผมมองเหมือนเป็นเรื่องเล็กๆ แต่พอมีหลายๆ เหตุผลขึ้นมาแล้วมันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ มันต้องมาพูดคุยกัน อธิบดีกรมอุทยานฯ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ได้สั่งให้มาหารือกันเพื่อหาทางออก
ทางออกในขณะนี้คือ มีเป้าหมายอยู่แล้วในเรื่องของการพัฒนาและเรื่องของการอนุรักษ์ จริงๆ แล้วมันต้องไปควบคู่กัน ให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะฉะนั้นวันนี้ได้เชิญผู้ที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยมาพูดกันด้วยเหตุและผล เรารับฟังทุกความคิดเห็น ไม่มีการเถียงกัน ไม่มีการทะเลาะกัน ทุกคนมีเหตุผล ไม่ว่าจะเป็นทางอุทยาน ทางผู้ประกอบการ หรือทางผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด
สุดท้ายสรุปแล้วมี 2 ทางที่เลือก คือ ซ่อมแซมบางจุดที่อันตรายและไม่ปลอดภัย เพราะว่าเส้นทางเส้นนี้เวลานักท่องเที่ยวเดินทาง เรื่องความปลอดภัยสำคัญ พอๆ กับการเป็นอยู่ของสัตว์ป่าที่อยู่บริเวณด้านข้าง ฉะนั้น 2 อย่างต้องควบคู่กันไป บางจุดจำเป็นต้องปรับปรุงก็ทำ ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องทำ สรุปคือทำบางจุดที่ล่อแหลม และเสี่ยงอันตราย
ทางเลือกที่ 2 คือ ไม่ทำอะไรกับถนนเส้นนี้เลย ปล่อยไปตามธรรมชาติ ทั้งนี้ ต้องให้ทางหัวหน้าอุทยานฯ เป็นคนประเมินดูว่าถ้าเกิดความไม่ปลอดภัยเมื่อไหร่ คงไม่อนุญาตให้รถขึ้น ต่อไปการท่องเที่ยวตรงนี้ก็จะเป็นในลักษณะของการเดินขึ้นไปกางเต็นท์
แต่อย่างไรก็ตาม เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมยังเห็นว่าอยากให้เป็นไปในทางเลือกแรกมากกว่า เพราะถือว่าต้องเป็นไปในเรื่องของการอนุรักษ์เป็นหลัก เรื่องการท่องเที่ยวมาเป็นอันดับที่ 2 แต่เมื่อนักท่องเที่ยวขึ้นมาแล้วต้องได้เรียนรู้ความเป็นธรรมชาติ และในที่ประชุมหารือกันแล้วว่าไม่ได้ต้องการนักท่องเที่ยวปริมาณมาก ขอฝากการบ้านไว้ให้คณะกรรมการที่ปรึกษาไปทบทวนว่ามีทางใดจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดแล้วนำกลับมาหารือกันอีกครั้ง