xs
xsm
sm
md
lg

รองนายกเมืองพัทยาเดินหน้าเอาผิด “บ้านสุขาวดี” ให้เป็นไปตาม กม.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ศูนย์ข่าวศรีราชา - ลุยต่อ “บ้านสุขาวดี” รองนายกเมืองพัทยา ยันไม่อะลุ่มอล่วยหากพบยังคงมีการกระทำผิด โดยเฉพาะอาคารรุกล้ำที่สาธารณะ และการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต

วันนี้ (9 พ.ย.) นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา ได้ออกมาเปิดเผยถึงการดำเนินการเอาผิดต่อ “บ้านสุขาวดี” หลังได้ติดตามข่าวสารในด้านต่างๆ ว่า ล่าสุด ได้เรียกตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักการช่าง และกลุ่มกฎหมาย เข้าสรุปผลความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า มีการก่อสร้างอาคารุกล้ำที่ดินสาธารณะ 11 ไร่ จึงได้เร่งให้มีการขอจัดทำที่ดินแปลงดังกล่าวให้เป็น นสล.หรือหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง เพื่อนำคืนสมบัติของทางราชการ และให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันต่อไป

และจากการตรวจสอบยังพบว่า มีอาคารขนาดใหญ่ซึ่งเป็นอาคารโครงเหล็กขนาด 25x61 เมตร จำนวน 1 หลัง ที่ใช้เป็นเวที และห้องครัว โดยไม่มีการขออนุญาตก่อสร้างบนแปลงที่ดินสาธารณะ และที่ผ่านมา เมืองพัทยา ได้นำป้ายประกาศขนาดใหญ่ระบุข้อความว่า บริเวณดังกล่าวเป็นที่สาธารณประโยชน์ ผู้ใดบุกรุกหรือครอบครองถือเป็นการกระทำความผิดฐานเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของรัฐ ตามมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 ต้องระวางโทษตามที่ประมวลกฎหมายที่ดินกำหนดไว้ และให้มีการรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างบนที่สาธารณะ
 
ก่อนปิดหมาย ค.7 หรือหมายคำสั่งรื้อถอนอาคาร ตามมาตรา 42 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กรณีก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร กระทำการโดยไม่ได้รับอนุญาต และให้ดำเนินการรื้อแล้วให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน นับแต่วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา

และยังทำการปิดหมาย ค.4 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้อาคารหลังดังกล่าว รวมทั้งหมาย ค.3 เพื่อระงับการก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเคลื่อนย้ายอาคาร ตามมาตรา 10 วรรค 1 และมาตรา 41 วรรค 1 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ซึ่งปัจจุบันเมืองพัทยา ได้มอบหมายให้นิติกรทำการรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อดำเนินการแต่งความดำเนินคดี ตามลำดับ

นายรณกิจ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันหมายประกาศดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดไปแล้ว แม้บ้านสุขาวดี จะทำหนังสือขอผ่อนผัน แต่ผู้บริหารเมืองพัทยา ไม่สามารถอนุญาตให้ดำเนินการต่อได้เนื่องจากทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบสภาพอาคารอีกครั้ง รวมทั้งทำการประมาณราคาค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการรื้อถอนอาคาร เพื่อนำมาประกอบในเอกสารที่จะเปิดประมูลในการว่าจ้างภาคเอกชนเข้ามารื้อถอนต่อไป

“หากทางบ้านสุขาวดีไม่ยินยอม ก็จะมีการเรียกเก็บค่ารื้อถอนจากบ้านสุขาวดีอีกครั้ง โดยการประเมินราคาค่ารื้อถอนนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณเดือน พ.ย.นี้ จากนั้นก็จะมีการนำหมายไปปิดประกาศอีกครั้ง โดยหากครบกำหนด 15 วันหลังปิดประกาศ และทางบ้านสุขาวดีไม่ยินยอมรื้อถอนเอง เมืองพัทยาก็จะเข้าไปดำเนินการแทน”

นายรณกิจ กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า ต้องยอมรับว่ายังมีอาคารบางหลังภายในบ้านสุขวดี ที่มีการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต เพียงแต่ปลูกในที่ดินที่เป็นโฉนดของตนเอง แต่การก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ทุกประเภทจะต้องมีการยื่นแบบเพื่อขออนุญาตจากทางราชการอย่างถูกต้อง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้ประโยชน์จากอาคารเหล่านี้เป็นหลัก ส่วนความผิดในเรื่องการก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต และฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานถือว่าเป็นความผิดที่เกิดขึ้นแล้ว เมืองพัทยา ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

“แม้จะเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกิดขึ้นในที่ดินสาธารณะ และมีการก่อสร้างในพื้นที่ที่มีเอกสารสิทธิครอบครองอย่างถูกต้อง แต่การขออนุญาตเพื่อให้เจ้าหน้าที่รัฐตรวจสอบมาตรฐานด้านความปลอดภัยถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากเกิดปัญหาขึ้น เมืองพัทยา ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะบ้านสุขาวดี ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองพัทยา ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมชม และพักผ่อนเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน” นายรณกิจ กล่าว





กำลังโหลดความคิดเห็น