กาฬสินธุ์ - ชาวบ้านหนองพอก ต.สะอาดไชยศรี อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ผวาน้ำเน่าถูกนำมาทิ้งกว่า 50 ตันกลางบ่อไร่มันสำปะหลัง หวั่นเป็นสารเคมีอันตรายจากต่างประเทศ หลังสูดแล้วเวียนหัว คอแห้ง พบความเป็นกรดสูง เร่งสืบหาแหล่งที่มา
วันนี้ (8 พ.ย. 61) พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.รมน.กาฬสินธุ์, นายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม จ.กาฬสินธุ์, นายวิทยา มุลน้อยสุ นายอำเภอดอนจาน, นายพีรพงษ์ ถิ่นคำเชิด นายก อบต.สะอาดไชยศรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อน้ำกลางไร่มันสำปะหลังของนายทองแดง ภูมิรัตน์ อายุ 63 ปี ชาวบ้านหนองพอก ม.6 ต.สะอาดไชยศรี อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์
หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อไม่ทราบชื่อบริษัทนำน้ำหมัก ซึ่งคล้ายกับน้ำเสียและมีกลิ่นเหม็นจากกรุงเทพมหานคร ซึ่งถูกนำเข้าจากประเทศจีน มาทิ้งในบ่อของเกษตรกร ซึ่งเกรงว่าจะเป็นการลักลอบนำสารเคมีอันตราย น้ำเสีย หรือสารพิษมาทิ้ง เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขอนามัย กระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากน้ำหมักดังกล่าวมีกลิ่นเหม็น ทั้งมีปริมาณมากอย่างน้อย 50 ตัน ซึ่งเมื่อสูดดมเข้าไปแล้วทำให้เกิดอาการเวียนหัว คอแห้ง อีกทั้งบรรจุใส่ถุงพลาสติก แพกใส่กล่องอย่างมิดชิด เป็นเรื่องที่น่าสงสัย
จากการตรวจสอบพบว่าบ่อน้ำดังกล่าวมีขนาดกว้าง 3 เมตร ยาวประมาณ 10 เมตร ลึก 3 เมตร ถูกขุดขึ้นเพื่อรองรับน้ำเสียดังกล่าว ลักษณะเป็นน้ำสีขุ่น พร้อมกากคล้ายกับของเสียถูกนำมาทิ้งในบ่อจำนวนมาก โดยมีการบรรจุใส่ถุงพลาสติกขนาดประมาณ 5 ลิตร ใส่กล่องพลาสติกอย่างดี ทั้งยังพบติดป้ายข้างกล่องเป็นข้อความตัวหนังสือภาษาจีน บรรทุกใส่รถพ่วง 18 ล้อจำนวน 3 คัน น้ำบางส่วนได้ซึมลงในดิน และมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับน้ำหมักชีวภาพ แต่หากสูดดมเป็นเวลานานทำให้เกิดอาการเวียนหัว และคอแห้ง
เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นน้ำหมัก หรือน้ำเสีย และถูกส่งมาทิ้งได้อย่างไร แต่จากการตรวจสอบพบว่าน้ำดังกล่าวมีค่าความเป็นกรดสูง เจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างน้ำเพื่อส่งตรวจพิสูจน์ไปยังสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์ จ.ขอนแก่น พร้อมเร่งสืบหาที่ไปที่มาของน้ำหมักดังกล่าว
สอบถามนายทองแดง ภูมิรัตน์ อายุ 63 ปี ชาวบ้านหนองพอก ม.6 ต.สะอาดไชยศรี อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ เจ้าของไร่มันสำปะหลัง ทราบว่า ก่อนหน้านี้ได้รับการติดต่อจากญาติ ซึ่งทำงานเป็นคนขับรถบรรทุกอยู่ที่ กทม. โดยบอกว่าเป็นน้ำหมักบ๊วย สามารถทำปุ๋ยได้ โดยทางบริษัทจะให้ฟรี ขนมาจาก กทม.ส่งฟรีถึงที่ แต่ต้องขุดสระหรือบ่อไว้รองรับเอง ทั้งยอมจ่ายค่าขนลงจากรถเทลงในบ่อ ซึ่งเป็นค่าทิ้งรถน้ำคันละ 2,000 บาท โดยจะขนย้ายมาทั้งหมด 15 คัน เป็นเงิน 30,000 บาท ซึ่งชาวบ้านอ้างว่าอยากได้เพื่อนำมาทำปุ๋ย แต่ไม่รู้ว่าเป็นน้ำอะไร แต่ญาติอ้างว่าเป็นน้ำหมักบ๊วย
ด้านนายอัครพงษ์ เขียวแจ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเป็นน้ำอะไร แต่จากการตรวจสอบพบว่ามีความเป็นกรดสูง และมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับน้ำหมักชีวภาพ และมีอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจแล้ว พร้อมกับประสานพื้นที่กั้นบริเวณห้ามบุคคลเข้าใกล้โดยเด็ดขาด
ด้าน พ.อ.มานพ ไขขุนทด รอง ผอ.รมน.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งให้ อบต.สะอาดไชยศรี เจ้าของพื้นที่เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.ดอนจานไว้เป็นหลักฐานก่อน เพราะการนำน้ำมาทิ้งถือว่าเป็นขยะมาทิ้งในพื้นที่แต่ไม่ได้ขออนุญาต พร้อมกับสืบแหล่งที่ไปที่มาอย่างชัดเจนว่าขนย้ายมาจากที่ไหน และเป็นน้ำอะไรกันแน่ รวมทั้งเป็นอันตรายด้วยหรือไม่